เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ออกหุ้นเพิ่มทุนแลกซื้อเหมือง PT TRI TUNGGAL PITRIATI ที่อินโดนีเซีย มูลค่าไม่เกิน 1,200 ล้านบาท ซึ่งคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 8 ล้านตัน กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 3.33 บาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ "ขจรพงศ์ " เผยถ่านหินที่ได้มาทำสัญญา MOU ขายหมดภายใน 4 ปี ดันผลงานโตก้าวกระโดด คาดปี 55 ปริมาณขายถ่ายหินพุ่งเกิน 3 ล้านตัน โกยรายได้แตะหมื่นล.
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 54 นั้น ได้มีมติให้ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 1 (EARTH-W1) ไม่เกิน 444,542,535 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้วอร์แรนต์ 1 หน่วยสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 1.50 บาท อายุ ไม่เกิน 5 ปี
พร้อมกันนี้มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ PT TRI TUNGGAL PITRIATI (TTP) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้สามารถขุดถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียได้ จากผู้ถือหุ้นของ TTP โดยบริษัทจะขอเข้าซื้อหุ้นสามัญไม่เกิน 1,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 8,521,000 รูเปียะห์(เทียบเท่ากับ USD 1,000) คิดเป็นไม่เกิน 100 % ของหุ้นสามัญทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อหุ้นละไม่เกิน 1,200 ล้านบาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นสามัญของ TTP ทั้งสิ้นไม่เกิน 1,200 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นของ TTP โดยมูลค่าหุ้นที่ซื้อคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 8 ล้านตัน โดยบริษัทจะชำระราคาค่าซื้อหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TTP ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 360,360,360 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.33 บาท เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของ TTP ที่เสนอขายหุ้นของ TTP ให้แก่บริษัทแทนการชำระเป็นเงินสด ซึ่งจะทำการเสนอขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของ TTP แต่ละราย
"เรากำหนดราคาแลก 3.33 บาทเพราะไม่ต้องการให้ไดรูทมากซึ่งอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 14% และการลงทุนครั้งนี้ จะทำให้เราก้าวไปอย่างมั่นคงจากเดิมที่เป็นผู้จัดจำหน่ายถ่านหินสู่ความเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าว่าจะสามารถส่งสินค้าได้ตามออร์เดอร์ได้ และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม ขณะต้นทุนต่ำลงที่สำคัญเราจะได้ไลเซ่นต์ในการเข้าสัมปทานเหมืองได้เพราะเราเป็นนักลงทุนในประเทศ และผู้ถือหุ้นเดิมของเขาจะเหลือสัดส่วนการลงทุน 5 ราย ๆ ละไม่เกิน 3% ซึ่งเขาจะเป็นสายป่านที่จะช่วยเหลือการลงทุนในอินโดฯ ให้เราด้วย "
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ EARTH เลือกวิธีขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกกับการถือหุ้น 100% ใน TTP พร้อมกับปลอบใจผู้ถือหุ้นด้วรการแจกวอร์แรนต์ดังนั้น EARTH จึงจะออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 804,902,895 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแปลงวอร์แรนต์และการแลกหุ้นดังกล่าว
ล่าสุดเซ็นสัญญา MOU ไว้ล่วงหน้ากับลูกค้าในประเทศจีนและจะต้องส่งมอบ 8 ล้านตัน ให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปีจากนี้ ซึ่งราคาขายจะกำหนดตามราคาตลาด ณ ขณะนั้นและเบื้องต้นจากการประเมินคาดว่าจะมีได้รายได้จากเหมืองนี้ไม่ต่ำกว่า 12,480 ล้านบาท ซึ่งจากการซื้อเหมืองนี้จะทำให้ปริมาณขายถ่ายหินพุ่งเกิน 3 ล้านตันในปีหน้า จากเดิมที่ขายอยู่ 1.2 ล้านตันบวกกับเหมืองใหม่ปีละ 2 ล้านตัน ส่วนดีลใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจามีอยู่ 3-4 ดีล ซึ่งแต่ละดีลก็ต้องใช้เวลาพอสมควรและการลงทุนมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความต้องการของพันธมิตรที่ดีลอยู่ว่าต้องการว่าต้องการแบบแลกหุ้น จ่ายเงินสดหรืออื่น ๆ และ EARTH ต้องศึกษาความคุ้มค่าและเหมาะสมด้วย
"การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ EARTH มีความมั่นคงของธุรกิจถ่านหินซึ่งจะลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาวัตถุดิบ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ดีต่อเนื่อง จากการมีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเอง รวมถึงทำให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น และทำให้โครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ตัวเลขในงบการเงินอาจไม่เห็นชัดในปีนี้เพราะดีลนี้จะจบในไตรมาส 3 กว่าจะรับรู้รายได้จริงน่าจะเป็นปี 55 ที่คาดว่ารายได้น่าจะแตะ 1หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่เราคาดว่าจะมีรายได้ 3,800 ล้านบาท " นายขจรพงศ์
นอกจากนี้ EARTH ยังต้องเดินหน้าหากลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มพร้อมกับการมองหาเหมืองอื่น ๆที่เหมาะสมกับการเข้าลงทุน เพื่อหาถ่านหินเพิ่มรองรับความต้องการของลูกค้าหลังจากเหมืองที่ซื้อมาจะส่งมอบถ่านหินได้หมดในอีก 4 ปีข้างหน้าตามสัญญา รวมทั้งการรับซื้อถ่านหินเข้ามาและขายด้วย
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 54 นั้น ได้มีมติให้ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 1 (EARTH-W1) ไม่เกิน 444,542,535 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้วอร์แรนต์ 1 หน่วยสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 1.50 บาท อายุ ไม่เกิน 5 ปี
พร้อมกันนี้มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ PT TRI TUNGGAL PITRIATI (TTP) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้สามารถขุดถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียได้ จากผู้ถือหุ้นของ TTP โดยบริษัทจะขอเข้าซื้อหุ้นสามัญไม่เกิน 1,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 8,521,000 รูเปียะห์(เทียบเท่ากับ USD 1,000) คิดเป็นไม่เกิน 100 % ของหุ้นสามัญทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อหุ้นละไม่เกิน 1,200 ล้านบาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นสามัญของ TTP ทั้งสิ้นไม่เกิน 1,200 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นของ TTP โดยมูลค่าหุ้นที่ซื้อคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 8 ล้านตัน โดยบริษัทจะชำระราคาค่าซื้อหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TTP ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 360,360,360 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.33 บาท เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของ TTP ที่เสนอขายหุ้นของ TTP ให้แก่บริษัทแทนการชำระเป็นเงินสด ซึ่งจะทำการเสนอขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของ TTP แต่ละราย
"เรากำหนดราคาแลก 3.33 บาทเพราะไม่ต้องการให้ไดรูทมากซึ่งอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 14% และการลงทุนครั้งนี้ จะทำให้เราก้าวไปอย่างมั่นคงจากเดิมที่เป็นผู้จัดจำหน่ายถ่านหินสู่ความเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าว่าจะสามารถส่งสินค้าได้ตามออร์เดอร์ได้ และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม ขณะต้นทุนต่ำลงที่สำคัญเราจะได้ไลเซ่นต์ในการเข้าสัมปทานเหมืองได้เพราะเราเป็นนักลงทุนในประเทศ และผู้ถือหุ้นเดิมของเขาจะเหลือสัดส่วนการลงทุน 5 ราย ๆ ละไม่เกิน 3% ซึ่งเขาจะเป็นสายป่านที่จะช่วยเหลือการลงทุนในอินโดฯ ให้เราด้วย "
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ EARTH เลือกวิธีขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกกับการถือหุ้น 100% ใน TTP พร้อมกับปลอบใจผู้ถือหุ้นด้วรการแจกวอร์แรนต์ดังนั้น EARTH จึงจะออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 804,902,895 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแปลงวอร์แรนต์และการแลกหุ้นดังกล่าว
ล่าสุดเซ็นสัญญา MOU ไว้ล่วงหน้ากับลูกค้าในประเทศจีนและจะต้องส่งมอบ 8 ล้านตัน ให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปีจากนี้ ซึ่งราคาขายจะกำหนดตามราคาตลาด ณ ขณะนั้นและเบื้องต้นจากการประเมินคาดว่าจะมีได้รายได้จากเหมืองนี้ไม่ต่ำกว่า 12,480 ล้านบาท ซึ่งจากการซื้อเหมืองนี้จะทำให้ปริมาณขายถ่ายหินพุ่งเกิน 3 ล้านตันในปีหน้า จากเดิมที่ขายอยู่ 1.2 ล้านตันบวกกับเหมืองใหม่ปีละ 2 ล้านตัน ส่วนดีลใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจามีอยู่ 3-4 ดีล ซึ่งแต่ละดีลก็ต้องใช้เวลาพอสมควรและการลงทุนมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความต้องการของพันธมิตรที่ดีลอยู่ว่าต้องการว่าต้องการแบบแลกหุ้น จ่ายเงินสดหรืออื่น ๆ และ EARTH ต้องศึกษาความคุ้มค่าและเหมาะสมด้วย
"การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ EARTH มีความมั่นคงของธุรกิจถ่านหินซึ่งจะลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาวัตถุดิบ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ดีต่อเนื่อง จากการมีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเอง รวมถึงทำให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น และทำให้โครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ตัวเลขในงบการเงินอาจไม่เห็นชัดในปีนี้เพราะดีลนี้จะจบในไตรมาส 3 กว่าจะรับรู้รายได้จริงน่าจะเป็นปี 55 ที่คาดว่ารายได้น่าจะแตะ 1หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่เราคาดว่าจะมีรายได้ 3,800 ล้านบาท " นายขจรพงศ์
นอกจากนี้ EARTH ยังต้องเดินหน้าหากลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มพร้อมกับการมองหาเหมืองอื่น ๆที่เหมาะสมกับการเข้าลงทุน เพื่อหาถ่านหินเพิ่มรองรับความต้องการของลูกค้าหลังจากเหมืองที่ซื้อมาจะส่งมอบถ่านหินได้หมดในอีก 4 ปีข้างหน้าตามสัญญา รวมทั้งการรับซื้อถ่านหินเข้ามาและขายด้วย