บ้านปูตั้งงบลงทุน 5ปีนี้ (2554-25558)อยู่ที่ 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้ลงทุนที่อินโดนีเซีย จีนและไทย 750 ล้านเหรียญ และออสเตรเลีย 600 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดมีกำลังการผลิตถ่านหินเพิ่มจาก 42 ล้านตันเป็น 54 ล้านตันในปี58 มั่นใจปีนี้โกยรายได้เฉียดแสนล้านบาท หลังราคาถ่านหินเฉลี่ยกว่า 95 เหรียญ/ตัน เตรียมออกหุ้นกู้1 หมื่นล้านบาทในปลายไตรมาส3/54
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งงบลงทุน 5ปีข้างหน้า(2554-2558) วงเงินรวม 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในCentennial ที่ออสเตรเลีย 600 ล้านเหรียญสหรัฐ อินโดนีเซีย 375 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการโรงไฟฟ้าหงสา 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่เหลือเป็นการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้าในจีน
ทั้งนี้ การลงทุนในอินโดนีเซียในช่วง 5 ปีนี้ จะลงทุนในเหมืองอินโดมิงโก และเหมืองทูบาอินโด ทำให้กำลังการผลิตถ่านหินในเหมืองดังกล่าวเพิ่มขึ้น ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าหงสาจะใส่เงินทุน300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเหมืองที่เกาเหอจะใช้เงินลงทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
ขณะที่กำลังการผลิตถ่านหินของบ้านปูในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นเป็น 54 ล้านตันจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตถ่านหินอยู่ 42 ล้านตัน แบ่งเป็นการผลิตถ่านหินที่อินโดนีเซีย 30ล้านตัน ออสเตรเลีย 20ล้านตัน และจีน 4 ล้านตัน
นายชนินท์ กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวมเกือบ 1 แสนล้านบาท สูงขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9 หมื่นล้านบาทแม้ว่ากำลังการผลิตถ่านหินจะลดลงจากเป้าหมาย 1 ล้านตันเหลือเพียง 42 ล้านตัน แต่ราคาถ่านหินในปีนี้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 95 เหรียญสหรัฐ/ตันจากปีที่แล้วราคาเฉลี่ยถ่านหิน 74.65 เหรียญสหรัฐ/ตันโดยผลประกอบการครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะดีกว่าครึ่งแรกของปี 2554 ที่มีรายได้รวม49,066 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12,324 ล้านบาท เนื่องจากแหล่งถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลียจะสามารถดำเนินการผลิตถ่านหินได้มากขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ฤดูแล้ง
ขณะที่แนวโน้มราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากความวิตกกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินในตลาดโลก แต่ปริมาณการผลิตถ่านหินสูงขึ้น เชื่อว่าราคาถ่านหินในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับ 120 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ราคาถ่านหิน 125 เหรียญสหรัฐ/ตันซึ่งราคาน้ำมันที่อ่อนตัวในช่วงนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อราคาถ่านหิน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะผลิตถ่านหินได้ 42 ล้านตัน ลดลง 1 ล้านตันมาจากการขายเหมืองต้าหนิง ขณะที่ราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเกินกว่า 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทฯในครึ่งปีแรก 2554 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 12,324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ประกอบด้วยกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 11,546 ล้านบาท และธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 778 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในเหมืองถ่านหินต้าหนิง ประเทศจีน จำนวน 6,307 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาและกำไรจากธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาปริมาณขายถ่านหินมีจำนวน 18 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.5 ล้านตัน ซึ่งมาจากธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 10.62 ล้านตัน และออสเตรเลียมีจำนวน 7.36 ล้านตัน ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
“ธุรกิจไฟฟ้าในครึ่งปีแรกมีผลกำไรที่ลดลง โดยส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีจำนวน 1,165 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้าในปีนี้ปรับลดลงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 81 ล้านบาท ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีนรายงานกำไรสุทธิจำนวน 186 ล้านบาท” นายชนินท์ กล่าว
ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินอยู่ที่ 45.5 ล้านตัน แบ่งเป็นการผลิตจากเหมืองอินโดนีเซีย 27 ล้านตัน ออสเตรเลีย 16 ล้านตันและจีน 2.5 ล้านตัน
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลบาทวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทในปลายไตรมาส 3 นี้หรือต้นไตรมาส 4 เพื่อใช้คืนหนี้เงินกู้ ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯจะไม่ส่งผลกระทบต่อการออกหุ้นกู้ดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะปรับสัดส่วนเงินกู้สกุลเงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่จาก 19%ในปัจจุบันเป็น30%ในปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น และจะลดสัดส่วนเงินกู้สกุลดอลลาร์ออสเตรเลียลงจากปัจจุบันอยู่ที่10%ของหนี้สินรวม ส่วนหนี้สกุลดอลลารร์สหรัฐจะปรับเพิ่มเป็น 65-70% จากปัจจุบัน60% โดยเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว52%โดยไม่จำเป็นต้องเร่งปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ เนื่องจากนโยบายสหรัฐฯยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำอยู่2ปี บริษัทฯ มีปริมาณสำรองถ่านหินทั้งหมด 902.07 ล้านตัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 เพิ่มขึ้น 310.25 ล้านตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งงบลงทุน 5ปีข้างหน้า(2554-2558) วงเงินรวม 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในCentennial ที่ออสเตรเลีย 600 ล้านเหรียญสหรัฐ อินโดนีเซีย 375 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการโรงไฟฟ้าหงสา 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่เหลือเป็นการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้าในจีน
ทั้งนี้ การลงทุนในอินโดนีเซียในช่วง 5 ปีนี้ จะลงทุนในเหมืองอินโดมิงโก และเหมืองทูบาอินโด ทำให้กำลังการผลิตถ่านหินในเหมืองดังกล่าวเพิ่มขึ้น ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าหงสาจะใส่เงินทุน300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเหมืองที่เกาเหอจะใช้เงินลงทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
ขณะที่กำลังการผลิตถ่านหินของบ้านปูในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นเป็น 54 ล้านตันจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตถ่านหินอยู่ 42 ล้านตัน แบ่งเป็นการผลิตถ่านหินที่อินโดนีเซีย 30ล้านตัน ออสเตรเลีย 20ล้านตัน และจีน 4 ล้านตัน
นายชนินท์ กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวมเกือบ 1 แสนล้านบาท สูงขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9 หมื่นล้านบาทแม้ว่ากำลังการผลิตถ่านหินจะลดลงจากเป้าหมาย 1 ล้านตันเหลือเพียง 42 ล้านตัน แต่ราคาถ่านหินในปีนี้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 95 เหรียญสหรัฐ/ตันจากปีที่แล้วราคาเฉลี่ยถ่านหิน 74.65 เหรียญสหรัฐ/ตันโดยผลประกอบการครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะดีกว่าครึ่งแรกของปี 2554 ที่มีรายได้รวม49,066 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12,324 ล้านบาท เนื่องจากแหล่งถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลียจะสามารถดำเนินการผลิตถ่านหินได้มากขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ฤดูแล้ง
ขณะที่แนวโน้มราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากความวิตกกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินในตลาดโลก แต่ปริมาณการผลิตถ่านหินสูงขึ้น เชื่อว่าราคาถ่านหินในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับ 120 เหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ราคาถ่านหิน 125 เหรียญสหรัฐ/ตันซึ่งราคาน้ำมันที่อ่อนตัวในช่วงนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อราคาถ่านหิน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะผลิตถ่านหินได้ 42 ล้านตัน ลดลง 1 ล้านตันมาจากการขายเหมืองต้าหนิง ขณะที่ราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเกินกว่า 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทฯในครึ่งปีแรก 2554 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 12,324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ประกอบด้วยกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 11,546 ล้านบาท และธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 778 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในเหมืองถ่านหินต้าหนิง ประเทศจีน จำนวน 6,307 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาและกำไรจากธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาปริมาณขายถ่านหินมีจำนวน 18 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.5 ล้านตัน ซึ่งมาจากธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 10.62 ล้านตัน และออสเตรเลียมีจำนวน 7.36 ล้านตัน ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
“ธุรกิจไฟฟ้าในครึ่งปีแรกมีผลกำไรที่ลดลง โดยส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีจำนวน 1,165 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้าในปีนี้ปรับลดลงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 81 ล้านบาท ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีนรายงานกำไรสุทธิจำนวน 186 ล้านบาท” นายชนินท์ กล่าว
ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินอยู่ที่ 45.5 ล้านตัน แบ่งเป็นการผลิตจากเหมืองอินโดนีเซีย 27 ล้านตัน ออสเตรเลีย 16 ล้านตันและจีน 2.5 ล้านตัน
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลบาทวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทในปลายไตรมาส 3 นี้หรือต้นไตรมาส 4 เพื่อใช้คืนหนี้เงินกู้ ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯจะไม่ส่งผลกระทบต่อการออกหุ้นกู้ดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะปรับสัดส่วนเงินกู้สกุลเงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่จาก 19%ในปัจจุบันเป็น30%ในปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น และจะลดสัดส่วนเงินกู้สกุลดอลลาร์ออสเตรเลียลงจากปัจจุบันอยู่ที่10%ของหนี้สินรวม ส่วนหนี้สกุลดอลลารร์สหรัฐจะปรับเพิ่มเป็น 65-70% จากปัจจุบัน60% โดยเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว52%โดยไม่จำเป็นต้องเร่งปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ เนื่องจากนโยบายสหรัฐฯยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำอยู่2ปี บริษัทฯ มีปริมาณสำรองถ่านหินทั้งหมด 902.07 ล้านตัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 เพิ่มขึ้น 310.25 ล้านตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว