xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คเบรกธปท.ชี้นำปรับดอกเบี้ย หวั่นกระทบตลาดเงิน-ตลาดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"มาร์ค" วอนแบงก์ชาติหลีกเลี่ยงยาแรง มุ่งแต่ขึ้นดอกเบี้ยคุมเงินเฟ้อจนกระทบตลาดเงินตลาดทุน ผู้บริหารแบงก์ชาติแจงปัจจัยหลักปรับขึ้นดอกเบี้ยเกิดจากดอกเบี้ยนโยบายแท้จริงยังติดลบ ส่วนนโยบายรัฐบาลใหม่อาจมีส่วนเพิ่มแรงกดดันในปีหน้า

จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ หรืออีกอย่างน้อย 3 ครั้งในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น นั้น บ่ายวานนี้ (28 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ความจริงถ้าเราหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายแรง ๆ ทางการเงินก็จะเป็นการดี เพราะการใช้นโยบายการเงินที่แรงนั้น กระทบต่อการลงทุน กระทบตลาดเงิน กระทบอัตราแลกเปลี่ยน กระทบต่อความมั่นใจในทางธุรกิจ ตนไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น

"ผมย้ำหลายครั้งแล้วว่า ทิศทางทางการเงินการคลัง ต้องประสานสอดคล้องกัน หาก ธปท.ไม่ได้รับความชัดเจน จากทางฝ่ายการคลังว่าจะไปกดดันเรื่องเงินเฟ้อแค่ไหน ธปท.ก็จะต้องคิดแบบอนุรักษ์นิยมไว้ก่อน ภาระจะไปตกหนักเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามีความจำเป็นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าดีที่สุด ถ้าตกลงเป้าหมายกันได้ ภาระไม่ควรไปสุดโต่งด้านหนึ่งด้านใด" นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญลำดับนโยบายด้านนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า เรื่องนโยบาย รัฐบาลใหม่จะเป็นผู้กำหนด แต่มีเรื่องเร่งด่วนที่ค้างอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ เพราะเรื่องเศรษฐกิจนั้น แน่นอนเรื่องปัญหาของแพง แต่ปัญหาวิกฤตลุกลามในประเทศอื่น ก็เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมรับมือ

ยันดอกเบี้ยแท้จริงยังติดลบ

นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ค่อนข้างชัด ส่วนแนวโน้มปีหน้าขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในขณะนั้น พร้อมทั้งจังหวะเวลาที่เหมาะสม ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับผลจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ แต่ปัจจัยสำคัญคืออัตราดอกเบี้ยนโยบายแท้จริงที่ปัจจุบันยังคงติดลบอยู่ ซึ่งติดลบ 0.65% แม้การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมามาแตะที่ระดับ 3.25% แล้ว

“ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงยังคงเป็นลบอยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราใช้พิจารณาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะอัตราดอกเบี้ยแท้จริงจะสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ฝากเงินกลับสูญเสียเงินหรือมีมูลค่าตัวเงินลดลงจากดอกเบี้ยที่ได้รับยังคงเป็นลบอยู่”

นอกจากนี้ ธปท.ยังติดตามดูแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวเศรษฐกิจ แรงส่งจากด้านอุปสงค์ทั้งภายใน-นอกประเทศ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจเทียบศักยภาพแท้จริงในการเติบโต (Output gap) เพื่อประกอบการตัดสินใจดอกเบี้ยนโยบาย

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าความเสี่ยงในส่วนของแรงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้อีกจากการสำรวจมุมมองของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการผ่านต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญของธปท.ในขณะนี้ คือ ต้องดูแลไม่ให้แรงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่ควรจะเป็น อีกทั้งสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง ธปท.เองก็ต้องพยายามในการสื่อสารต่อสาธารณะชนเรื่องนี้ให้ดี เพื่อลดแรงคาดการณ์ดังกล่าว

"ล่าสุดในเดือนมิ.ย.นี้ อัตราการว่างงานของไทยอยู่ที่ 0.5% ถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเกิดจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวที่ดี ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานด้านเทคนิคที่ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากผู้จบการศึกษาระดับวิชาชีพมีการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีมากขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพยายามแก้ไขในขณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ในอนาคต" นายทรงธรรมกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น