หุ้นไทยปิด 1,121 จุด ทำนิวไฮรอบ 15 ปี มาร์เก็ตแคป 9 ล้านล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง ตลท. ระบุ นักลงทุนเชื่อมั่น "ยิ่งลักษณ์" และการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปคลี่คลาย "จรัมพร" เผยเงินต่างชาติไหลเข้าหนุนดัชนีเพิ่มขึ้นสอดคล้องตลาดหุ้นภูมิภาค
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2554 ดัชนีปิดตลาดส่งท้ายสัปดาห์ที่ระดับ 1,121.04 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,988.36 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อหนาแน่นจากนักลงทุน ส่งผลให้ดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 15 ปี นับจากวันที่ 9 สิงหาคม 2539 ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 1,119.93 จุด และส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 9.02 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับจากก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 724.73 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 432.41 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,670.68 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 4,378.37 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ โดยวันที่ 18-22 กรกฎาคม 2554 ซื้อสุทธิ 15,746.62 ล้านบาท
โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยรอบนี้ หลังการเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไปด้วยดี และพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้งได้เสียงข้างมากเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้เสียงข้างมากเกินครึ่ง ส่งผลให้ความกังวลต่างๆ คลี่คลายลง โดยเฉพาะล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับรองความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ปัจจัยลบต่างประเทศ ทั้งความกังวลในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะกรีซได้จบลง หลังสภายุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมทั้งภาคเอกชนร่วมกันให้ความช่วยเหลือในการมติอนุมัติวงเงินช่วยเหลือกรีซรอบ 2 ออกมา 1.59 แสนล้านยูโร (ราว 2.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นผลเชิงบวกต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤติหนี้ของกลุ่ม PIIGS (โปรตุเกส อิตาลี ไอร์แลนด์ กรีซ และสเปน) จากนี้ต่อไป
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันตลาดภูมิภาคที่มีกระแสเงินลงทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ (Fund Flow) ซึ่งเป็นผลจากกรณีที่กลุ่มสหภาพยุโรปอนุมัติแผนช่วยเหลือปัญหาหนี้กรีซเป็นรอบที่ 2 สำเร็จ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากความแน่นอนทางการเมืองในประเทศ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทยอยประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง รวมถึงการรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิส อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย และนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลต่อจิตวิทยาของนักลงทุน
ขณะเดียวกัน ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2554 น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี หลังจากกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้