ASTV ผู้จัดการรายวัน - อินโดรามา เวนเจอร์ส การร่วมทุนในกิจการเส้นใย เส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ของTreviraGmbH แล้วเสร็จและเริ่มเปิดโรงงานแล้ว มั่นใจช่วยเพิ่มปริมาณลูกค้าเข้าสู่บริษัท โบรกฯคาด กำไรครึ่งปีหลังสูงขึ้นจากโรงงานในสหรัฐฯ และการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานไทย
นายอโชค เจน ผู้ช่วยผู้อำนวยการร่วม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (IVL) เผิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้มีการเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 เกี่ยวกับการได้มาในกิจการเส้นใย เส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และเส้นด้ายแบบพิเศษของ TreviraGmbH โดยไอวีแอล และ Sinterama S.p.A. (อิตาลี)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแจ้งเพิ่มเติมว่า การร่วมทุนดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และโรงงานได้เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 โดย บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ (TreviraHoldings GmbH) มีอัตราส่วนในการถือหุ้น (ร้อยละ 75-ไอวีแอล: ร้อยละ 25-Sinterama S.p.A) โดยจะเข้าซื้อหุ้นใน Trevira GmbH ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศเยอรมันและประเทศโปแลนด์และได้รับการอนุมัติตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การซื้อกิจการของ Trevira GmbH จะทำให้บริษัทก้าวเข้าสู่ธุรกิจเส้นใย เส้นด้าย โดยมีตราสินค้าเฉพาะของบริษัท อีกทั้งยังมีการวิจัย การพัฒนา และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากมูลค่าของสินค้าที่เพิ่มขึ้นโดยผ่านเครือข่ายช่องทางการตลาดที่มีอยู่ทั่วโลกและเครือข่ายการขายของผู้ร่วมทุนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่จะดึงดูดลูกค้ารายใหม่ที่มีความต้องการตราสินค้าที่หลากหลาย
ด้าน บล.ธนชาติ ระบุถึง IVL ว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 50% ใน PT Polyprima Karyesreska ผู้ผลิต PTA ในอินโดนีเซีย PT Polyprima มีกำลังการผลิตติดตั้ง 465,000 เมตริกตันต่อปี และปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยภาพรวมรวมคาดว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไร
ทั้งนี้ ราคาหุ้น IVL อยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากกำไรที่คาดว่าจะลดลงอย่างมากในช่วง 2Q11 ถึงแม้ว่าจะคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นราว 20%q-q ใน 2Q11 เนื่องจากการรับรู้ยอดขายจากโรงงานที่เข้าซื้อใหม่อย่างเต็มไตรมาส แต่ประโยชน์ดังกล่าวน่าจะถูกหักล้างโดยอัตรากำไรของ PTA ที่ลดลงในปัจจุบัน เนื่องจากการลดลงของราคา commodity โดยเฉพาะราคาฝ้าย ขณะที่ Integrated spread ของ IVL ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ระดับปกติที่ US$450-460/tonne จากระดับที่สูงอย่างมากที่ US$577/tonnes ในช่วง 1Q11
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยระยะสั้นเหล่านนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว และแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ ทำให้คาดว่ากำไรของ IVL จะฟื้นตัวในช่วง 2H11 เนื่องจากปริมาณขายที่สูงขึ้นจากโรงงานในสหรัฐ และการกลับมาดำเนินงานอีกครั้งของโรงงานในไทยหลังจากปิดไปในช่วง 2Q11 และยังคงคาดว่า IVL จะรายงาน EPS ที่เติบโตแข็งแกร่งที่ 71% ในปีนี้ จึงคาดว่า IVL จะมี EPS ที่เติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2011-14 ที่ 26% เนื่องจาก product spread ที่แข็งแกร่ง และการทำ M&A และโครงการลงทุนใหม่ จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี 2014 ดังนั้น จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายที่ 61 บาท/หุ้น
นายอโชค เจน ผู้ช่วยผู้อำนวยการร่วม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (IVL) เผิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้มีการเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 เกี่ยวกับการได้มาในกิจการเส้นใย เส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และเส้นด้ายแบบพิเศษของ TreviraGmbH โดยไอวีแอล และ Sinterama S.p.A. (อิตาลี)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแจ้งเพิ่มเติมว่า การร่วมทุนดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และโรงงานได้เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 โดย บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ (TreviraHoldings GmbH) มีอัตราส่วนในการถือหุ้น (ร้อยละ 75-ไอวีแอล: ร้อยละ 25-Sinterama S.p.A) โดยจะเข้าซื้อหุ้นใน Trevira GmbH ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศเยอรมันและประเทศโปแลนด์และได้รับการอนุมัติตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การซื้อกิจการของ Trevira GmbH จะทำให้บริษัทก้าวเข้าสู่ธุรกิจเส้นใย เส้นด้าย โดยมีตราสินค้าเฉพาะของบริษัท อีกทั้งยังมีการวิจัย การพัฒนา และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากมูลค่าของสินค้าที่เพิ่มขึ้นโดยผ่านเครือข่ายช่องทางการตลาดที่มีอยู่ทั่วโลกและเครือข่ายการขายของผู้ร่วมทุนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่จะดึงดูดลูกค้ารายใหม่ที่มีความต้องการตราสินค้าที่หลากหลาย
ด้าน บล.ธนชาติ ระบุถึง IVL ว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 50% ใน PT Polyprima Karyesreska ผู้ผลิต PTA ในอินโดนีเซีย PT Polyprima มีกำลังการผลิตติดตั้ง 465,000 เมตริกตันต่อปี และปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยภาพรวมรวมคาดว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไร
ทั้งนี้ ราคาหุ้น IVL อยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากกำไรที่คาดว่าจะลดลงอย่างมากในช่วง 2Q11 ถึงแม้ว่าจะคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นราว 20%q-q ใน 2Q11 เนื่องจากการรับรู้ยอดขายจากโรงงานที่เข้าซื้อใหม่อย่างเต็มไตรมาส แต่ประโยชน์ดังกล่าวน่าจะถูกหักล้างโดยอัตรากำไรของ PTA ที่ลดลงในปัจจุบัน เนื่องจากการลดลงของราคา commodity โดยเฉพาะราคาฝ้าย ขณะที่ Integrated spread ของ IVL ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ระดับปกติที่ US$450-460/tonne จากระดับที่สูงอย่างมากที่ US$577/tonnes ในช่วง 1Q11
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยระยะสั้นเหล่านนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว และแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ ทำให้คาดว่ากำไรของ IVL จะฟื้นตัวในช่วง 2H11 เนื่องจากปริมาณขายที่สูงขึ้นจากโรงงานในสหรัฐ และการกลับมาดำเนินงานอีกครั้งของโรงงานในไทยหลังจากปิดไปในช่วง 2Q11 และยังคงคาดว่า IVL จะรายงาน EPS ที่เติบโตแข็งแกร่งที่ 71% ในปีนี้ จึงคาดว่า IVL จะมี EPS ที่เติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2011-14 ที่ 26% เนื่องจาก product spread ที่แข็งแกร่ง และการทำ M&A และโครงการลงทุนใหม่ จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี 2014 ดังนั้น จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายที่ 61 บาท/หุ้น