ชะลอไฮสปีดเทรน! คลังระบุรอรัฐบาลใหม่เข้ามาผลักดันมั่นใจ สายกรุงเทพฯ- หนองคาย และ กรุงเทพฯ-ปาดังฯ เดินหน้าต่อไม่สะดุด ขณะที่เส้นทางอื่นเตรียมรวบรวมข้อมูลเพิ่มก่อนชงครม.ใหม่ตัดสินใจอีกครั้ง พร้อมทำควบคู่กับกฎหมายพีพีพี ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในรัฐบาลชุดใหม่ หนุนปรับปรุงท่าเรือคลองเตยขนถ่ายสินค้าพรีเมียม และสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมือง
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ( สคร.) เปิดเผยว่า แม้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ว่าด้วยการลงทุนของภาคเอกชนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ...หรือ กฎหมาย PPPs แล้วแต่กว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้คงเป็นปีหน้า เพราะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาผลักดันให้ผ่านกระบวนการของรัฐสภาต่อไป เพราะหลังนายกรัฐมนตรีประกาศพระราชกฤฎีกายุบสภาแล้วคงไม่สามารถดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้ได้
รวมทั้งการลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น หรือเซ็นเอ็มโอยูระหว่างรัฐบาลไทยและจีนในโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงอีก 2 สาย คือ กรุงเทพฯ-หนองคาย และ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนผ่านทางบริษัทร่วมทุนระหว่างไทยและจีน โดยประเทศไทยจะถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า เนื่องจากคงไม่เหมาะหากจะลงนามในช่วงของรัฐบาลรักษาการ โดยมองว่ารัฐบาลใหม่น่าจะเข้ามาสานต่อเพราะที่ผ่านมาเจรจารายละเอียดใกล้จบหมดแล้วคงไม่เข้ามารื้อใหม่ทั้งหมด
นอกจากนั้น ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทางที่ คือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่และ กรุงเทพฯ-ระยอง-ตราด และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานีนั้น ระหว่างนี้ทางกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดของโครงการลงทุนในเชิงลึก ซึ่งในส่วนของสายเชียงใหม่ และการขยายเส้นทางไปถึงตราดนั้น พบว่า นักลงทุนจากญี่ปุ่นยังคงให้ความสนใจลงทุนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยหากมีรัฐบาลใหม่ทางกระทรวงคมนาคมก็สามารถเสนอแผนการลงทุนให้ครม.อีกครั้งเพื่อให้เดินหน้าต่อไปทันที จากนั้นก็น่าจะนำเสนอร่างทีโออาร์ และเปิดประมูลเป็นการทั่วไปได้ ซึ่งจะยึดหลักฝ่ายรัฐบาลไทยลงทุน 51%และภาคเอกชนต่างชาติ 49%
“การลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามารถเดินหน้าควบคู่ไปกับการเสอนร่างกฎหมายพีพีพี โดยเบื้องต้นสามารถใช้ร่างกฎหมายเดิมได้ หากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ก็สวมโครงการเข้ากับกฎหมายใหม่ได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะโครงการมีมูลค่ามากกว่าพันล้านบาทอยู่แล้ว” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีงานของ สคร.ที่ค้างเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ คือ การเสนอให้แยกตั้งองค์การสุรา และโรงงานไพ่ ให้เป็นนิติบุคคล การเสนอความเห็นแผนการปรับปรุงท่าเรือคลองเตยซึ่งเดิมเป็นแผนงานในปีนี้ก็ต้องรอดูว่าจะเดินหน้าได้ทันหรือไม่ โดยต่อไปจะให้ท่าเรือคลองเตยเน้นขนถ่ายสินค้าระดับพรีเมี่ยม ส่วนสินค้าประเภทอื่นควรย้ายไปที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อปรับลดขนาดท่าเรือคลองเตยให้เล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งการปรับปรุงภูมิทัศน์หรือสร้างสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นแผน 10 ปีที่ต้องทยอยปรับ โดยเฉพาะการย้ายชุมชนออกห่างไปเล็กน้อยและจัดหาที่ให้ใหม่นั้นอาจจะทำได้ยาก โดยการปรับปรุงท่าเรือคลองเตยอาจจะใช้วิธีร่วมลงทุนกับภาคเอกชนหรือใช้รูปแบบพีพีพีก็ได้เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง
รวมทั้งการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ส่วนที่รัฐยังถือเกินเพดานเพื่อเพิ่ม Free float ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย และยังเป็นโอกาสที่จะสามารถขยายฐานของนักลงทุนได้มากขึ้นด้วย โดยหุ้นที่จะทำฟรีโฟลตในตลาดเป็นรัฐวิสาหกิจ 6 แห่ง บริษัทเอกชน 11 แห่ง เช่น บมจ.การบินไทย บมจ.ธนาคารกรุงไทย บมจ.ปตท. บมจ.ปตท.สผ. บมจ.ท่าอากาศยานไทย บมจ.อสมท.และอีกหลายแห่ง ซึ่งตอนนี้ต้นสังกัดกำลังพิจารณาอยู่ว่ามีหุ้นส่วนเกินที่จะขายเท่าไร อาจจะขายให้ประชาชนทั่วไป หรือนักลงทุนสถาบันด้วย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ( สคร.) เปิดเผยว่า แม้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ว่าด้วยการลงทุนของภาคเอกชนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ...หรือ กฎหมาย PPPs แล้วแต่กว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้คงเป็นปีหน้า เพราะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาผลักดันให้ผ่านกระบวนการของรัฐสภาต่อไป เพราะหลังนายกรัฐมนตรีประกาศพระราชกฤฎีกายุบสภาแล้วคงไม่สามารถดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้ได้
รวมทั้งการลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น หรือเซ็นเอ็มโอยูระหว่างรัฐบาลไทยและจีนในโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงอีก 2 สาย คือ กรุงเทพฯ-หนองคาย และ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนผ่านทางบริษัทร่วมทุนระหว่างไทยและจีน โดยประเทศไทยจะถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า เนื่องจากคงไม่เหมาะหากจะลงนามในช่วงของรัฐบาลรักษาการ โดยมองว่ารัฐบาลใหม่น่าจะเข้ามาสานต่อเพราะที่ผ่านมาเจรจารายละเอียดใกล้จบหมดแล้วคงไม่เข้ามารื้อใหม่ทั้งหมด
นอกจากนั้น ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทางที่ คือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่และ กรุงเทพฯ-ระยอง-ตราด และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานีนั้น ระหว่างนี้ทางกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดของโครงการลงทุนในเชิงลึก ซึ่งในส่วนของสายเชียงใหม่ และการขยายเส้นทางไปถึงตราดนั้น พบว่า นักลงทุนจากญี่ปุ่นยังคงให้ความสนใจลงทุนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยหากมีรัฐบาลใหม่ทางกระทรวงคมนาคมก็สามารถเสนอแผนการลงทุนให้ครม.อีกครั้งเพื่อให้เดินหน้าต่อไปทันที จากนั้นก็น่าจะนำเสนอร่างทีโออาร์ และเปิดประมูลเป็นการทั่วไปได้ ซึ่งจะยึดหลักฝ่ายรัฐบาลไทยลงทุน 51%และภาคเอกชนต่างชาติ 49%
“การลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามารถเดินหน้าควบคู่ไปกับการเสอนร่างกฎหมายพีพีพี โดยเบื้องต้นสามารถใช้ร่างกฎหมายเดิมได้ หากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ก็สวมโครงการเข้ากับกฎหมายใหม่ได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะโครงการมีมูลค่ามากกว่าพันล้านบาทอยู่แล้ว” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีงานของ สคร.ที่ค้างเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ คือ การเสนอให้แยกตั้งองค์การสุรา และโรงงานไพ่ ให้เป็นนิติบุคคล การเสนอความเห็นแผนการปรับปรุงท่าเรือคลองเตยซึ่งเดิมเป็นแผนงานในปีนี้ก็ต้องรอดูว่าจะเดินหน้าได้ทันหรือไม่ โดยต่อไปจะให้ท่าเรือคลองเตยเน้นขนถ่ายสินค้าระดับพรีเมี่ยม ส่วนสินค้าประเภทอื่นควรย้ายไปที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อปรับลดขนาดท่าเรือคลองเตยให้เล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งการปรับปรุงภูมิทัศน์หรือสร้างสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นแผน 10 ปีที่ต้องทยอยปรับ โดยเฉพาะการย้ายชุมชนออกห่างไปเล็กน้อยและจัดหาที่ให้ใหม่นั้นอาจจะทำได้ยาก โดยการปรับปรุงท่าเรือคลองเตยอาจจะใช้วิธีร่วมลงทุนกับภาคเอกชนหรือใช้รูปแบบพีพีพีก็ได้เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง
รวมทั้งการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ส่วนที่รัฐยังถือเกินเพดานเพื่อเพิ่ม Free float ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย และยังเป็นโอกาสที่จะสามารถขยายฐานของนักลงทุนได้มากขึ้นด้วย โดยหุ้นที่จะทำฟรีโฟลตในตลาดเป็นรัฐวิสาหกิจ 6 แห่ง บริษัทเอกชน 11 แห่ง เช่น บมจ.การบินไทย บมจ.ธนาคารกรุงไทย บมจ.ปตท. บมจ.ปตท.สผ. บมจ.ท่าอากาศยานไทย บมจ.อสมท.และอีกหลายแห่ง ซึ่งตอนนี้ต้นสังกัดกำลังพิจารณาอยู่ว่ามีหุ้นส่วนเกินที่จะขายเท่าไร อาจจะขายให้ประชาชนทั่วไป หรือนักลงทุนสถาบันด้วย
