ปตท.สผ.มั่นใจปีหน้าแหล่งสิริกิติ์ผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเป็น 3 หมื่นบาร์เรล/วัน หลังจากเร่งติดตั้งอุปกรณ์และสำรวจเพิ่มเติม แจงเลื่อนผลิตน้ำมันในแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียจากปลายปีนี้เป็นไตรมาส 1/55 ลั่นไม่กระทบกำไรสุทธิและเป้าหมายการขายปิโตรเลียมปีนี้ที่2.73แสนบาร์เรล/วัน
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.)หรือ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมในแหล่งสิริกิติ์(S1)เป็น 3 หมื่นบาร์เรล/วันในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีการผลิตปิโตรเลียมอยู่วันละ 2.6 หมื่นบาร์เรล ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการสำรวจและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต รองรับความต้องการใช้ปิโตรเลียมในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยบริษัทฯได้นำเทคนิค DeepLift ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันดิบให้ได้สูงขึ้นกว่าเดิมและลดค่าใช้จ่ายมาทดลองใช้ในแหล่งสิริกิติ์จำนวน 2 หลุม โดยฉีดก๊าซเข้าไปผสมกับน้ำมันในบริเวณก้นหลุมลึกๆหรือใกล้จุดที่น้ำมันไหลเข้ามาในหลุมมากที่สุดได้ เป็นการลดความหนาแน่นของน้ำมันในท่อผลิต ส่งผลให้น้ำมันที่ติดค้างอยู่ในก้นหลุมลึกไหลขึ้นมาได้ ทำให้สามารถผลิตน้ำมันดิบได้มากขึ้นกว่าเดิม และสามารถนำน้ำมันดิบขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ไม่เหลือทิ้งที่ก้นหลุม
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เร่งรัดโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่ง M9 ที่สหภาพพม่า คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามที่กำหนดไว้ในปลายปี 2556 ซึ่งเดิมปตท.ในฐานะผู้รับซื้อก๊าซฯจากแหล่งดังกล่าวจะขอชะลอการรับซื้อก๊าซฯ แต่จากแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซฯในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปตท.เร่งรัดโครงการ M9 ให้ผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด ส่วนโอกาสที่จะเร่งรัดโครงการนี้ให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดเวลาเดิมคงเป็นไปได้ยาก
สำหรับการพัฒนาแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียนั้น ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส1/2555 เลื่อนจากเดิมที่บริษัทฯคาดหวังว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปีนี้ เนื่องจากปตท.สผ.อยากดูงานทุกอย่างให้รอบคอบ เพราะการทำงานเป็นลูกโซ่ จำเป็นต้องการบริหารงานไม่ให้ทุกส่วนมีผลกระทบ รวมทั้งต้นทุนการบริหารจัดการและต้องรอรัฐบาลออสเตรเลียในการอนุมัติให้บริษัทฯเข้าไปทำงานในพื้นที่ แม้ว่าจะเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ในแหล่งมอนทารา ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทฯในปีนี้ รวมทั้งเป้าหมายการขายปิโตรเลียมที่ 2.73 แสนบาร์เรล/วัน
โดยยืนยันว่าการพัฒนาแหล่งมอนทาราไม่ได้รับการต่อต้านจากองค์กรใดๆ เนื่องจากบริษัทฯได้ปฏิบัติตามแผนการปรับปรุงแก้ไข (Action Plan) ของพีทีทีอีพี เอเอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อบกพร่องทั้งในด้านเทคนิคและการบริหารจัดการรวมถึงการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินงานด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียมโดยจะมีคณะกรรมการอิสระติดตามการดำเนินการตามแผนปรับปรุงแก้ไขของพีทีทีอีพี เอเอ เป็นเวลาอีก 18 เดือน
ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2554 บริษัทฯมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 40,011 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 302 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 / 2553 ซึ่งมีรายได้รวม 1,008 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 33,159 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 359 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 10,979 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ปี 2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 331 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 10,243 ล้านบาท)
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.)หรือ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมในแหล่งสิริกิติ์(S1)เป็น 3 หมื่นบาร์เรล/วันในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีการผลิตปิโตรเลียมอยู่วันละ 2.6 หมื่นบาร์เรล ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการสำรวจและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต รองรับความต้องการใช้ปิโตรเลียมในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยบริษัทฯได้นำเทคนิค DeepLift ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันดิบให้ได้สูงขึ้นกว่าเดิมและลดค่าใช้จ่ายมาทดลองใช้ในแหล่งสิริกิติ์จำนวน 2 หลุม โดยฉีดก๊าซเข้าไปผสมกับน้ำมันในบริเวณก้นหลุมลึกๆหรือใกล้จุดที่น้ำมันไหลเข้ามาในหลุมมากที่สุดได้ เป็นการลดความหนาแน่นของน้ำมันในท่อผลิต ส่งผลให้น้ำมันที่ติดค้างอยู่ในก้นหลุมลึกไหลขึ้นมาได้ ทำให้สามารถผลิตน้ำมันดิบได้มากขึ้นกว่าเดิม และสามารถนำน้ำมันดิบขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ไม่เหลือทิ้งที่ก้นหลุม
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เร่งรัดโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่ง M9 ที่สหภาพพม่า คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามที่กำหนดไว้ในปลายปี 2556 ซึ่งเดิมปตท.ในฐานะผู้รับซื้อก๊าซฯจากแหล่งดังกล่าวจะขอชะลอการรับซื้อก๊าซฯ แต่จากแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซฯในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปตท.เร่งรัดโครงการ M9 ให้ผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด ส่วนโอกาสที่จะเร่งรัดโครงการนี้ให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดเวลาเดิมคงเป็นไปได้ยาก
สำหรับการพัฒนาแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียนั้น ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส1/2555 เลื่อนจากเดิมที่บริษัทฯคาดหวังว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปีนี้ เนื่องจากปตท.สผ.อยากดูงานทุกอย่างให้รอบคอบ เพราะการทำงานเป็นลูกโซ่ จำเป็นต้องการบริหารงานไม่ให้ทุกส่วนมีผลกระทบ รวมทั้งต้นทุนการบริหารจัดการและต้องรอรัฐบาลออสเตรเลียในการอนุมัติให้บริษัทฯเข้าไปทำงานในพื้นที่ แม้ว่าจะเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ในแหล่งมอนทารา ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทฯในปีนี้ รวมทั้งเป้าหมายการขายปิโตรเลียมที่ 2.73 แสนบาร์เรล/วัน
โดยยืนยันว่าการพัฒนาแหล่งมอนทาราไม่ได้รับการต่อต้านจากองค์กรใดๆ เนื่องจากบริษัทฯได้ปฏิบัติตามแผนการปรับปรุงแก้ไข (Action Plan) ของพีทีทีอีพี เอเอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อบกพร่องทั้งในด้านเทคนิคและการบริหารจัดการรวมถึงการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินงานด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียมโดยจะมีคณะกรรมการอิสระติดตามการดำเนินการตามแผนปรับปรุงแก้ไขของพีทีทีอีพี เอเอ เป็นเวลาอีก 18 เดือน
ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2554 บริษัทฯมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 40,011 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 302 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 / 2553 ซึ่งมีรายได้รวม 1,008 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 33,159 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 359 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 10,979 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ปี 2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 331 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 10,243 ล้านบาท)