ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะลุ 1.1 พันจุด ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 15 ปี จากแรงต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 1.5 พันล้านบาท “จรัมพร” แจง กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่มีผลกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นจากเป็นไปตามคาด ด้าน บล.เอเซียพลัส แนะนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน จากมีความเสี่ยงต่างชาติเทขายหลังถือครองหุ้นไทยสูงถึง 1.2-1.3 แสนล้านบาท
ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 เม.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในแดนบวกตลาดทั้งวัน มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1,107.36 จุด เพิ่มขึ้น 11.48 จุด หรือ 1.05% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 14 ปี 8 เดือน นับจากวันที่ 23 สิงหาคม 2539 ที่ดัชนี อยู่ที่ 1,106.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,956.76 ล้านบาท
สำหรับการซื้อขายแยกกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 430.01 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,104.82 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,519.80 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,194.62 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,100 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากที่ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องการซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่น่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคเช่นกัน ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยมีการเติบโตที่สูง การเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดี และแนวโน้มระยะยาวมีการเติบโตที่ดีจากกที่ไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศในแถบอินโดจีนที่มีประเทศที่มีเศรษฐกิจมีการเติบโตเร็วที่สุด เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งไทยจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้น เกิดจากเม็ดเงินการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนควรติดตามทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งในช่วง 2เดือนนี้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทยแล้วจากช่วงเดือนมกราคม ที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นไทยออกไปประมาณ 28,000 ล้านบาท ส่วนการที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไม่ได้มีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ เนื่องจากตลาดได้มีการรับรู้ข่าวดังกล่าวไปแล้ว และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นถือว่าเป็นทิศทางที่ประเทศในแถบเอเชียที่จะต้องมีการปรับขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 เม.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเห็นจากมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย หุ้นกลุ่ม พลังงาน ซึ่งหุ้น ปตท.ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 7 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.7% และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนต่างประเทศได้มีการเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ช่วงกลางปี 2553 ถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติได้มีการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยถึง 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยถือว่าเป็นความเสี่ยงที่จะมีการขายทำกำไรออกมา หากปัจจัยพื้นฐานของไทยมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 เม.ย.) ขึ้นอยู่กับการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าดัชนียังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 1,120 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,130 จุด ซึ่งจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น มีความเสี่ยงในการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศจะมีแรงเทขายออกมานั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนมีการลงทุนในระยะสั้น
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวบวกประมาณ 1% อยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ซึ่งต่างปรับตัวบวก ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน ในส่วนของกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากกรณีอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และรับข่าวผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมาดี
ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 เม.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในแดนบวกตลาดทั้งวัน มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1,107.36 จุด เพิ่มขึ้น 11.48 จุด หรือ 1.05% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 14 ปี 8 เดือน นับจากวันที่ 23 สิงหาคม 2539 ที่ดัชนี อยู่ที่ 1,106.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,956.76 ล้านบาท
สำหรับการซื้อขายแยกกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 430.01 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,104.82 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,519.80 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,194.62 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,100 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากที่ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องการซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่น่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคเช่นกัน ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยมีการเติบโตที่สูง การเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดี และแนวโน้มระยะยาวมีการเติบโตที่ดีจากกที่ไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศในแถบอินโดจีนที่มีประเทศที่มีเศรษฐกิจมีการเติบโตเร็วที่สุด เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งไทยจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้น เกิดจากเม็ดเงินการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนควรติดตามทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งในช่วง 2เดือนนี้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทยแล้วจากช่วงเดือนมกราคม ที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นไทยออกไปประมาณ 28,000 ล้านบาท ส่วนการที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไม่ได้มีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ เนื่องจากตลาดได้มีการรับรู้ข่าวดังกล่าวไปแล้ว และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นถือว่าเป็นทิศทางที่ประเทศในแถบเอเชียที่จะต้องมีการปรับขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 เม.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเห็นจากมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย หุ้นกลุ่ม พลังงาน ซึ่งหุ้น ปตท.ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 7 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.7% และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนต่างประเทศได้มีการเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ช่วงกลางปี 2553 ถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติได้มีการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยถึง 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยถือว่าเป็นความเสี่ยงที่จะมีการขายทำกำไรออกมา หากปัจจัยพื้นฐานของไทยมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 เม.ย.) ขึ้นอยู่กับการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าดัชนียังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 1,120 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,130 จุด ซึ่งจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น มีความเสี่ยงในการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศจะมีแรงเทขายออกมานั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนมีการลงทุนในระยะสั้น
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวบวกประมาณ 1% อยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ซึ่งต่างปรับตัวบวก ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน ในส่วนของกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากกรณีอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และรับข่าวผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมาดี