“จรัมพร” เผย นักลงทุนไทย-ต่างชาติ แห่ร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส 2011 คึกคัก มั่นใจหลังเสร็จงาน ดึงดูดการลงทุนได้เพิ่มขึ้น มั่นใจมีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา คาดผลสำเร็จ ตอกย้ำภาพเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดี เผยปี 53 ตลาดหลักทรัพย์ไทยทำสถิติมูลค่าตลาดรวมสูงสุดที่ 8.6 ล้านล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2011 เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยสู่ทศวรรษหน้า ระหว่าง 28-29 มีนาคม 2554 นี้ โดยมั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุด นับตั้งแต่ที่เคยจัดมา ซึ่งแบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 80 ราย และตัวแทนนักลงทุนในประเทศ 100 ราย
การจัดงานครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างดียิ่งจากผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศชั้นนำ จากทุกภูมิภาคทั่วโลก ที่มีพอร์ตการลงทุนมูลค่าสูงและมีการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกร่วมงาน 79 ราย ทั้งนี้ มีกลุ่มนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ และผู้บริหารภาครัฐและเอกชน ร่วมงานกว่า 700 คน พร้อมทั้งผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่องจาก 8 กลุ่มธุรกิจที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศ ร่วมให้ข้อมูล 67 บริษัท มีมูลค่า market capitalization รวมกว่า 6.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88% ของมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด (ข้อมูล ณ 24 มีนาคม 2554)
กรรมการและผู้จัดการ ตลท.คาดว่า เมื่อนักลงทุนทั้งหมดได้รับฟังข้อมูลโดยตรงจากประเทศไทยและทิศทางเศรษฐกิจไทย ก็จะทำให้ผู้จัดการกองทุนต่างๆ พิจารณาจะให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตดี โดยในปี 2553 เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2552 การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพิมขึ้น 56% ตามค่าเงินของสหรัฐฯจากปีก่อนหน้า
กรรมการและผู้จัดการ ตลท.เชื่อมั่นว่า งาน Thailand Focus เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการแสดงศักยภาพและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งข้อมูลย้อนหลังแสดงถึง Performance ที่ดีเยี่ยม ทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทำกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ผ่านวิกฤติการณ์ที่ส่งผลกระทบเป็นระยะ และตลาดหลักทรัพย์ไทยนับเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมาก โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อวันในปี 2553 ซึ่งจะสร้างความสนใจแก่ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำจากต่างประเทศและเชื่อว่าจะมี การพิจารณาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในโอกาสต่อไป
“ผมอยากชี้ให้เห็นว่า กำไรที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นกับทุกภาคธุรกิจ ตั้งแต่ภาคอาหารและการเกษตร อุตสาหกรรม การบริการทางการเงิน สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า และพลังงาน”
ผู้จัดการ ตลท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2553 ตลาดหลักทรัพย์ไทยสามารถทำสถิติมูลค่าตลาดรวมสูงสุดที่ 8.6 ล้านล้านบาท และมูลค่าการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นน่าจะเดินไปได้ตามปกติ เพราะประเทศไทยอยู่ในระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ขณะที่ภาคเอกชนก็ยังแข็งแกร่ง ถ้ารัฐบาลไม่สะดุดภาคเอกชนก็สามารถเดินหน้าไปได้ ในเรื่องการลงทุน ก็จะทำให้เศรษบกิจเดินหน้าไปได้ด้วยดี
นายมนตรี ศรไพศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสครั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามารับฟังข้อมูลจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นโยบายการทำงานของรัฐบาลดำเนินไปด้วยความรอบคอบ ถูกต้องตามหลักการ ตัวอย่างปี 2553 เศรษฐกิจเติบโตถึง 8% อัตราการว่างงานเหลือ 1% แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า งาน Thailand Focus ครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเป็นนักลงทุนที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียประมาณ 70% มีบริษัทจดทะเบียนร่วมให้ข้อมูล 67 บริษัท และยังได้รับเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์ลาว และบริษัทจดทะเบียน Electricite du Laos Generation Public Company (EDL) เข้าร่วมงาน ซึ่งตลอด 3 วัน จะมีการจัดประชุมกว่า 800 การประชุม ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่และสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง การได้รับทราบข้อมูลโดยตรง จะสร้างความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อการลงทุน โดยเฉพาะการมุ่งเน้นอธิบายและตอบข้อซักถามที่เป็นที่สนใจทั้งด้านการเมือง และทิศทางเศรษฐกิจ จะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างสูง
Mr. Rupert Hume - Kendall Chairman of Global Capital Markets , Bank of America Merrill Lynch กล่าวว่า BAML รู้สึก ยินดีที่ได้ร่วมจัดงานวันนี้ โดยเชื่อมั่นว่าศักยภาพของเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและสามารถเติบโต แม้ในภาวะที่มีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยตัวเลขทางเศรษฐกิจย้อนหลังได้พิสูจน์ให้เห็นศักยภาพและมีโอกาสเติบโตต่อ เนื่องได้อย่างมาก และนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบัน ด้วยการรับรู้ข้อมูลโดยตรงของภาครัฐและภาคธุรกิจจากงาน Thailand Focus ในครั้งนี้