ตลาดหลักทรัพย์ ปลื้มงานไทยแลนด์โฟกัส นักลงทุนไทย-ต่างชาติ แห่ร่วมงานสูงสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนตลาดหุ้นไทยน่าสนใจเข้าลงทุน “จรัมพร” เผย 3 ปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติ “กำไร บจ.เติบโตต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อ-วอลุ่มซื้อขายสูงสุดในอาเซียน-บจ.บริหารจัดการกับปัจจัยลบได้ดี” ด้าน “อภิสิทธ์” แจง เศรษฐกิจไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เติบโตแข็งแกร่ง เชื่อ หากเอกชนลงทุนมากกว่า 10% จะดันจีดีพีไทยโตไม่ต่ำกว่า 5% ใน 10 ปี ไฮไลต์วันนี้ “บล.ภัทร” เตรียมนำเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ โชว์นโยบายบริหาร
วานนี้ (28 มี.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ บล.ภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA และ Bank of America Merrill Lynch จัดการประชุมผู้ลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์นานาชาติ “Thailand Focus 2011- Enhancing Thailand’s Competitiveness Through the Next Decade” ซึ่งเชิญผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชน ร่วมนำเสนอข้อมูลแสดงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยและเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ 28-30 มีนาคมนี้ ณ โรงแรมโฟร์ซีซัน กรุงเทพฯ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในการเปิดงาน ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้น แม้จะมีปัญหาหลายด้านในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้จากจีดีพีของไทยปีที่แล้วเติบโตถึง 8% ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการแข่งขันและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย ทั้งนี้ ยอมรับว่า ความรุนแรงทางการเมืองช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายคนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจไทย แต่สถานการณ์ขณะนี้ได้ดีขึ้นเป็นลำดับ และตอนนี้ระบบประชาธิปไตยของไทยกำลังเริ่มเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ความมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแน่นอนในกลางปีนี้ และคาดหวังว่า การปฏิรูปการเมืองจะช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคตลงได้
สำหรับปัญหาความรุนแรงทางการเมืองในตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันนั้น รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมราคาน้ำมันและดูแลราคาสินค้า เพื่อป้องกันมิให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงในอนาคต โดยมองว่า ความสามารถในการคงไว้ซึ่งการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนมากกว่า10%ในระยะกลาง จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในอัตราไม่ต่ำกว่า 5% ในทศวรรษนี้
ด้าน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวในปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก จากที่มีผู้จัดการกองทุนต่างประเทศเข้าร่วมงาน 79 ราย และนักลงทุนสถาบันในประเทศจำนวน 100 ราย ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่จัดงานมาแล้ว 5 ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมองหาการลงทุนที่ดีจากเม็ดเงินสภาพคล่องทั่วโลกที่มีอยู่มาก รวมถึงมีกลุ่มนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ และผู้บริหารภาครัฐและเอกชนร่วมงานกว่า 700 คนและผู้บริหาร บจ.ที่มีผลประกบอการที่ดีต่อเนื่อง จาก 8 อุตสาหกรรมที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศร่วมให้ข้อมูล 87 บริษัท
ทั้งนี้ ตลท.มั่นใจว่า งานไทยแลนด์โฟกัสเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการแสดงศักยภาพและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และ บจ.ไทย โดยตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความน่าสนใจในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ จาก 3 ปัจจัย คือ บจ.ไทย มีความสามารถทำได้ดีติดต่อกัน 5 ปี แม้ในช่วงดังกล่าวจะมีวิกฤตต่างๆ และสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยสูงมาก โดยมีมูลค่าซื้อขายเกิน 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน สูงสุดในตลาดหุ้นอาเซียน และ บจ.สามารถบริหารจัดการกับปัจจัยลบที่เข้ามาได้ ทั้งปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาการเมือง
“ในปีนี้ที่จะมีการเลือกตั้ง เชื่อว่า จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แต่จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนนั้นเชื่อว่าจะต้องรออีกระยะจากที่ผู้จัดการกองทุนนั้นจะต้องนำเสนอเรื่องการลงทุนต่อคณะกรรมการลงทุนก่อน”
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร กล่าวว่า งาน Thailand Focus ครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเป็นนักลงทุนที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียประมาณ 70% และยังได้รับเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์ลาว และบริษัทจดทะเบียน Electricite du Laos Generation Public Company (EDL) เข้าร่วมงาน โดยไฮไลท์ในวันนี้ (29 มี.ค.) ทางผู้จัดงานได้มีการเชิญ 2 พรรคการเมืองที่เป็นตัวแกร็งที่จะได้รับการเลือกเป็นรัฐบาลชุดใหม่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และ เพื่อไทย มาขึ้นเวทีพร้อมกันในการนำเสนอนโยบายของพรรคหากได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แก่นักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนไทยทราบ
นางภัทรีธา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ในระยะสั้นนี้ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง อาจทำให้การลงทุนชะลอ เพื่อรอว่าผลจะออกมาอย่างไร และนโยบายจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศขณะนี้ถือว่าไม่ถึงกับชะลอ เพราะนักลงทุนต่างประเทศยังมีการซื้อสุทธิในหุ้นไทยอยู่
วานนี้ (28 มี.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ บล.ภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA และ Bank of America Merrill Lynch จัดการประชุมผู้ลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์นานาชาติ “Thailand Focus 2011- Enhancing Thailand’s Competitiveness Through the Next Decade” ซึ่งเชิญผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชน ร่วมนำเสนอข้อมูลแสดงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยและเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ 28-30 มีนาคมนี้ ณ โรงแรมโฟร์ซีซัน กรุงเทพฯ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในการเปิดงาน ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้น แม้จะมีปัญหาหลายด้านในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้จากจีดีพีของไทยปีที่แล้วเติบโตถึง 8% ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการแข่งขันและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย ทั้งนี้ ยอมรับว่า ความรุนแรงทางการเมืองช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายคนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจไทย แต่สถานการณ์ขณะนี้ได้ดีขึ้นเป็นลำดับ และตอนนี้ระบบประชาธิปไตยของไทยกำลังเริ่มเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ความมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแน่นอนในกลางปีนี้ และคาดหวังว่า การปฏิรูปการเมืองจะช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคตลงได้
สำหรับปัญหาความรุนแรงทางการเมืองในตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันนั้น รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมราคาน้ำมันและดูแลราคาสินค้า เพื่อป้องกันมิให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงในอนาคต โดยมองว่า ความสามารถในการคงไว้ซึ่งการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนมากกว่า10%ในระยะกลาง จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในอัตราไม่ต่ำกว่า 5% ในทศวรรษนี้
ด้าน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวในปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก จากที่มีผู้จัดการกองทุนต่างประเทศเข้าร่วมงาน 79 ราย และนักลงทุนสถาบันในประเทศจำนวน 100 ราย ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่จัดงานมาแล้ว 5 ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมองหาการลงทุนที่ดีจากเม็ดเงินสภาพคล่องทั่วโลกที่มีอยู่มาก รวมถึงมีกลุ่มนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ และผู้บริหารภาครัฐและเอกชนร่วมงานกว่า 700 คนและผู้บริหาร บจ.ที่มีผลประกบอการที่ดีต่อเนื่อง จาก 8 อุตสาหกรรมที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศร่วมให้ข้อมูล 87 บริษัท
ทั้งนี้ ตลท.มั่นใจว่า งานไทยแลนด์โฟกัสเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการแสดงศักยภาพและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และ บจ.ไทย โดยตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความน่าสนใจในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ จาก 3 ปัจจัย คือ บจ.ไทย มีความสามารถทำได้ดีติดต่อกัน 5 ปี แม้ในช่วงดังกล่าวจะมีวิกฤตต่างๆ และสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยสูงมาก โดยมีมูลค่าซื้อขายเกิน 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน สูงสุดในตลาดหุ้นอาเซียน และ บจ.สามารถบริหารจัดการกับปัจจัยลบที่เข้ามาได้ ทั้งปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาการเมือง
“ในปีนี้ที่จะมีการเลือกตั้ง เชื่อว่า จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แต่จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนนั้นเชื่อว่าจะต้องรออีกระยะจากที่ผู้จัดการกองทุนนั้นจะต้องนำเสนอเรื่องการลงทุนต่อคณะกรรมการลงทุนก่อน”
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร กล่าวว่า งาน Thailand Focus ครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเป็นนักลงทุนที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียประมาณ 70% และยังได้รับเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์ลาว และบริษัทจดทะเบียน Electricite du Laos Generation Public Company (EDL) เข้าร่วมงาน โดยไฮไลท์ในวันนี้ (29 มี.ค.) ทางผู้จัดงานได้มีการเชิญ 2 พรรคการเมืองที่เป็นตัวแกร็งที่จะได้รับการเลือกเป็นรัฐบาลชุดใหม่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และ เพื่อไทย มาขึ้นเวทีพร้อมกันในการนำเสนอนโยบายของพรรคหากได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แก่นักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนไทยทราบ
นางภัทรีธา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ในระยะสั้นนี้ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง อาจทำให้การลงทุนชะลอ เพื่อรอว่าผลจะออกมาอย่างไร และนโยบายจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศขณะนี้ถือว่าไม่ถึงกับชะลอ เพราะนักลงทุนต่างประเทศยังมีการซื้อสุทธิในหุ้นไทยอยู่