รองรับเปิดเสรี ปี 2555 โบรกเกอร์เพิ่มงบประมาณลุยกลยุทธ์การตลาด เพื่อรักษาลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ คาดหลายแห่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเชื่อได้เห็น โปรโมชันแจก แถม สมนาคุณกันอื้อตั้งแต่ปีนี้ ด้าน บล.ไซส์เล็กขอเน้นคุณภาพข้อมูลการลงทุน
การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันในปี 2555 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ธุรกิจโบรกเกอร์ในไทยตื่นตัว เพื่อเตรียมพร้อมในเรื่องดังกล่าว ก่อนหน้ามีการพูดถูกสงครามค่าคอมมิชชัน ซึ่งคาดกันว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งหันมาแข่งขันปรับลดราคาบริการเพื่อดึงลูกค้า แต่จากการปรับลดค่าคอมมิชั่นแบบขั้นบันไดที่ผ่านมา รวมถึงการปรับตัวล่วงหน้าเพื่อรองรับการเปิดเสรีดังกล่าวของ บล.ทุกแห่งที่ดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าการแข่งขันด้านราคานั้น จะไม่รุนแรงหรือน่ากังวลมากนัก เพราะทุกแห่งมองว่าไม่เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อ บล.ไม่แข่งขันกันด้วยราคา สิ่งที่จะทำให้บล.สามารถอยู่รอด เมื่อมีการเปิดเสรีฯเต็มตัว ย่อมอยู่ที่บริการ และคุณภาพงานของ บล.แต่ละแห่ง รวมถึงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อรักษาฐานลูกค้าของตนเอง และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนทุกราย เพราะจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากโบรกเกอร์ที่ใช้บริการอยู่มากขึ้น โดยเป็นที่คาดกันว่าโบรกเกอร์แต่ละแห่ง จะหันมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้นจากเดิม แม้จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นก็ตามเริ่มกันที่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โบรกเกอร์ที่มีฐานสนับสนุนใหญ่จากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทมีการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างก้าวหน้า เพื่อผลักดันให้เป้าหมายมาร์เกตแชร์ 4% และขึ้นเป็นอันดับ 5 ของกลุ่มธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์สมหวัง
นายประสงค์ รุ่งสมัยทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์องค์กร บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบกลยุทธ์การตลาดไว้ที่ประมาณ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 25 ล้านบาทเกือบเท่าตัว เพราะเล็งเห็นว่าจากกิจกรรมการและกลยุทธ์ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสูง บริษัทสามารถมีลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการถึง 5,000 บัญชี จากภาพรวมลูกค้าใหม่ในอุตสาหกรรมปีก่อนอยู่ที่ 25,000 บัญชี ดังนั้นด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ปีนี้เป็น 8,000 บัญชี
“ลูกค้าใหม่ของบริษัทไม่ใช่แค่เข้ามาเปิดบัญชีและไม่ค่อยมีการเคลื่อนในการลงทุน ปัจจุบันในอุตสาหกรรมจำนวนบัญชีนักลงทุนที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อลงทุนอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วน 22-25% ของจำนวนบัญชีทั้งหมดในอุตสาหกรรม ขณะที่ บล.กสิกรไทย มีบัญชีที่ Active เช่นนี้คิดเป็น 30-35% ของบัญชีลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเป้าที่จะทำให้ถึง 8,000 บัญชีได้นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากแคมเปญหรือกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่บริษัทจัดทำออกมาให้แก่ลูกค้าด้วย”
พร้อมกันนี้ เชื่อว่า การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันในปีหน้า จะเป็นการกระตุ้นให้ บล.แต่ละแห่งหันมาให้ความสำคัญต่อการจัดกิจกรรมการทางตลาด ด้วยการออกแคมเปญต่างๆ มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวอยากให้อุตสหกรรมดำเนินไปในลักษณะนี้มากกว่าการแข่งขันทางธุรกิจด้วยวิธีปรับลดค่าคอมมิชชั่นในการให้บริการแก่ลูกค้า เพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโดยรวม ขณะเดียวกัน การหันมามุ่งเน้นเรื่องดังกล่าว เชื่อว่า จะช่วยให้ บล.สามารถรักษาฐานลูกค้าของบริษัทไว้ได้ และยังสามารถช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ให้เข้ามาสู่บริษัทอีกด้วย ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
“นโยบายของเรา คือ จะให้การบริการแก่ลูกค้าในทุกรูปแบบและต่อเนื่อง มากกว่าที่จะโทร.ไปหาลูกค้าเฉพาะในยามที่หุ้นปรับตัวขึ้น เราจะมีบทวิเคราะห์ และข้อมูลที่มีคุณภาพนำเสนอแก่ลูกค้าโดยตลอด ควบคู่กับการกิจกรรมการตลาด หรือแคมเปญพิเศษต่างๆ ออกมาเสริมให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดอบรมให้ข้อมูล หรือกิจการเอนเตอร์เทนต่างๆ ที่ปัจจุบันบริษัทก็ดำเนินการอยู่ เช่น กิจกรรมดูหนังใหม่เป็นประจำทุกเดือน การจัดแข่งขันกอล์ฟ ฯลฯ”
อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ ยอมรับว่า การจัดกิจกรรมการตลาดหรือการเพิ่มแคมเปญต่างๆมากขึ้น ย่อมหมายถึงต้นทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ต้องยอมรับ และเชื่อว่า เมื่อใกล้เข้าสู่การเปิดเสรีต้นทุนในส่วนนี้ของทุก บล.ก็จะปรับเพิ่มงบดังกล่าวขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ด้าน บล.โกลเบล็ก นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ทางบริษัทได้ออกโปรโมชัน GLOBLEX in the City ปี 2 ซึ่งเป็นโปรโมชันใหญ่ประจำปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์กับบริษัท ทั้งในส่วนของลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่เพื่อกระตุ้นการลงทุน และเพิ่มบัญชีลูกค้าบริษัท ซึ่งในปีที่ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการเปิดบัญชีที่เพิ่มขึ้นกว่า 3,000 บัญชี รวมถึงการเคลื่อนไหวบัญชีที่เพิ่มขึ้น 45% ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน
นางณิยะดา จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีการจัดกิจกรรมให้กับลูกค้าอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีการเทรดประจำ ทั้งนี้บริษัทเน้นในการจัดกิจกรรมแบบให้ความรู้ และข้อมูลการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุน มากกว่า เช่นการพานักลงทุนไปพบปะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เพื่อทราบถึงทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจต่างๆ การจัดอบรมสัมมาการลงทุนให้แก่ลูกค้า เพราะมองว่านักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากจุดนี้มากกว่า ส่วนงบในการทำกิจกรรมการตลาดเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความใส่ใจมาโดยตลอด
แหล่งข่าวรายหนึ่ง กล่าวว่า กิจกรรมทางการตลาด แคมปญ โปรโมชันต่างๆ เพื่อกระตุ้นลูกค้าเทรด หรือเพื่อเพิ่มลูกค้ารายใหม่ จะมีมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เนื่องจากปีหน้าจะมีการเปิดเสรีเต็มตัว เชื่อว่า ทุก บล.จะเพิ่มงบประมาณในจุดนี้มากขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าของต้น รวมถึงเพิ่มบัญชีใหม่ ทำให้เชื่อว่าต้นทุนของ บล.ต่างๆ ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจากเรื่องดังกล่าวแน่
การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันในปี 2555 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ธุรกิจโบรกเกอร์ในไทยตื่นตัว เพื่อเตรียมพร้อมในเรื่องดังกล่าว ก่อนหน้ามีการพูดถูกสงครามค่าคอมมิชชัน ซึ่งคาดกันว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งหันมาแข่งขันปรับลดราคาบริการเพื่อดึงลูกค้า แต่จากการปรับลดค่าคอมมิชั่นแบบขั้นบันไดที่ผ่านมา รวมถึงการปรับตัวล่วงหน้าเพื่อรองรับการเปิดเสรีดังกล่าวของ บล.ทุกแห่งที่ดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าการแข่งขันด้านราคานั้น จะไม่รุนแรงหรือน่ากังวลมากนัก เพราะทุกแห่งมองว่าไม่เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อ บล.ไม่แข่งขันกันด้วยราคา สิ่งที่จะทำให้บล.สามารถอยู่รอด เมื่อมีการเปิดเสรีฯเต็มตัว ย่อมอยู่ที่บริการ และคุณภาพงานของ บล.แต่ละแห่ง รวมถึงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อรักษาฐานลูกค้าของตนเอง และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนทุกราย เพราะจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากโบรกเกอร์ที่ใช้บริการอยู่มากขึ้น โดยเป็นที่คาดกันว่าโบรกเกอร์แต่ละแห่ง จะหันมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้นจากเดิม แม้จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นก็ตามเริ่มกันที่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โบรกเกอร์ที่มีฐานสนับสนุนใหญ่จากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทมีการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างก้าวหน้า เพื่อผลักดันให้เป้าหมายมาร์เกตแชร์ 4% และขึ้นเป็นอันดับ 5 ของกลุ่มธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์สมหวัง
นายประสงค์ รุ่งสมัยทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์องค์กร บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบกลยุทธ์การตลาดไว้ที่ประมาณ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 25 ล้านบาทเกือบเท่าตัว เพราะเล็งเห็นว่าจากกิจกรรมการและกลยุทธ์ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสูง บริษัทสามารถมีลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการถึง 5,000 บัญชี จากภาพรวมลูกค้าใหม่ในอุตสาหกรรมปีก่อนอยู่ที่ 25,000 บัญชี ดังนั้นด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ปีนี้เป็น 8,000 บัญชี
“ลูกค้าใหม่ของบริษัทไม่ใช่แค่เข้ามาเปิดบัญชีและไม่ค่อยมีการเคลื่อนในการลงทุน ปัจจุบันในอุตสาหกรรมจำนวนบัญชีนักลงทุนที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อลงทุนอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วน 22-25% ของจำนวนบัญชีทั้งหมดในอุตสาหกรรม ขณะที่ บล.กสิกรไทย มีบัญชีที่ Active เช่นนี้คิดเป็น 30-35% ของบัญชีลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเป้าที่จะทำให้ถึง 8,000 บัญชีได้นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากแคมเปญหรือกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่บริษัทจัดทำออกมาให้แก่ลูกค้าด้วย”
พร้อมกันนี้ เชื่อว่า การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันในปีหน้า จะเป็นการกระตุ้นให้ บล.แต่ละแห่งหันมาให้ความสำคัญต่อการจัดกิจกรรมการทางตลาด ด้วยการออกแคมเปญต่างๆ มากขึ้น ซึ่งส่วนตัวอยากให้อุตสหกรรมดำเนินไปในลักษณะนี้มากกว่าการแข่งขันทางธุรกิจด้วยวิธีปรับลดค่าคอมมิชชั่นในการให้บริการแก่ลูกค้า เพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโดยรวม ขณะเดียวกัน การหันมามุ่งเน้นเรื่องดังกล่าว เชื่อว่า จะช่วยให้ บล.สามารถรักษาฐานลูกค้าของบริษัทไว้ได้ และยังสามารถช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ให้เข้ามาสู่บริษัทอีกด้วย ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
“นโยบายของเรา คือ จะให้การบริการแก่ลูกค้าในทุกรูปแบบและต่อเนื่อง มากกว่าที่จะโทร.ไปหาลูกค้าเฉพาะในยามที่หุ้นปรับตัวขึ้น เราจะมีบทวิเคราะห์ และข้อมูลที่มีคุณภาพนำเสนอแก่ลูกค้าโดยตลอด ควบคู่กับการกิจกรรมการตลาด หรือแคมเปญพิเศษต่างๆ ออกมาเสริมให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดอบรมให้ข้อมูล หรือกิจการเอนเตอร์เทนต่างๆ ที่ปัจจุบันบริษัทก็ดำเนินการอยู่ เช่น กิจกรรมดูหนังใหม่เป็นประจำทุกเดือน การจัดแข่งขันกอล์ฟ ฯลฯ”
อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ ยอมรับว่า การจัดกิจกรรมการตลาดหรือการเพิ่มแคมเปญต่างๆมากขึ้น ย่อมหมายถึงต้นทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ต้องยอมรับ และเชื่อว่า เมื่อใกล้เข้าสู่การเปิดเสรีต้นทุนในส่วนนี้ของทุก บล.ก็จะปรับเพิ่มงบดังกล่าวขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ด้าน บล.โกลเบล็ก นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ทางบริษัทได้ออกโปรโมชัน GLOBLEX in the City ปี 2 ซึ่งเป็นโปรโมชันใหญ่ประจำปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์กับบริษัท ทั้งในส่วนของลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่เพื่อกระตุ้นการลงทุน และเพิ่มบัญชีลูกค้าบริษัท ซึ่งในปีที่ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการเปิดบัญชีที่เพิ่มขึ้นกว่า 3,000 บัญชี รวมถึงการเคลื่อนไหวบัญชีที่เพิ่มขึ้น 45% ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน
นางณิยะดา จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีการจัดกิจกรรมให้กับลูกค้าอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีการเทรดประจำ ทั้งนี้บริษัทเน้นในการจัดกิจกรรมแบบให้ความรู้ และข้อมูลการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุน มากกว่า เช่นการพานักลงทุนไปพบปะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เพื่อทราบถึงทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจต่างๆ การจัดอบรมสัมมาการลงทุนให้แก่ลูกค้า เพราะมองว่านักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากจุดนี้มากกว่า ส่วนงบในการทำกิจกรรมการตลาดเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความใส่ใจมาโดยตลอด
แหล่งข่าวรายหนึ่ง กล่าวว่า กิจกรรมทางการตลาด แคมปญ โปรโมชันต่างๆ เพื่อกระตุ้นลูกค้าเทรด หรือเพื่อเพิ่มลูกค้ารายใหม่ จะมีมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เนื่องจากปีหน้าจะมีการเปิดเสรีเต็มตัว เชื่อว่า ทุก บล.จะเพิ่มงบประมาณในจุดนี้มากขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าของต้น รวมถึงเพิ่มบัญชีใหม่ ทำให้เชื่อว่าต้นทุนของ บล.ต่างๆ ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจากเรื่องดังกล่าวแน่