หุ้นไทยดีดตัวขึ้น 4 จุด นักวิเคราะห์เชื่อดัชนีกระเตื้องทั่วเอเชีย หลังมองวิกฤตเป็นโอกาสมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งนักลงทุนมองว่าได้ประโยชน์จากเหตุภัยพิบัติญี่ปุ่น แต่ยังมีประเด็นน่ากังวลอย่างปัญหากัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด บ่ายคาดแกว่งตัวแดนบวก หากไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
วันนี้ (16 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้นไทยดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,007.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด(+0.48%)มูลค่าการซื้อขาย 14,438.80 ล้านบาท นักวิเคราะห์เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวกเล็กน้อยตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่รีบาวนด์ หลังจากร่วงลงแรงจากความกังวลผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น โดยตลาดวันนี้ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มพลังงาน แนะติดตามเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นหากไม่รุนแรง ดัชนี SET มีโอกาสทะลุไปที่ 1,020 จุด คาดบ่ายตลาดแกว่งแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,000-1,005 จุด แนวต้าน 1,010-1,013 จุด
ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,665.08 ล้านบาท ปิดที่ 748.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,108.56 ล้านบาท ปิดที่ 25.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 901.79 ล้านบาท ปิดที่ 80.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 696.82 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 690.60 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นในช่วงเช้าปรับตัวบวกแต่ไม่มาก โดยเป็นการรีบาวด์ในกรอบแคบๆ หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดปรับตัวลงแรง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกในวันนี้ และดัชนีพยายามขึ้นไปทดสอบที่ 1,010 จุด แต่ยังไปไม่ถึง
การที่ดัชนี SET อยู่ในแดนบวกมาจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งเป็นกลุ่มที่นักลงทุนมองว่าจะได้รับผลประโยชน์จากปัญหาภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น ขณะที่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีจากเหตุการณ์ระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น จึงทำให้ตลาดไปไม่ได้ไกล แม้นักลงทุนจะคลายความวิตกลงระดับหนึ่งแล้ว
“เมื่อวานลงแรง เป็นธรรมดาที่วันนี้จะปรับขึ้น แต่ที่ไม่มากเพราะคนรอดูการยืนยันจากทางการญี่ปุ่น ว่า สารกัมมันตภาพรังสีเป็นอันตรายหรือไม่ รวมทั้งโรงไฟฟ้าไฟไหม้ หาก 2 เรื่องได้รับการยืนยันว่าสามารถรับมือได้ ไม่อันตรายก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ตอนนี้ถ้าจะเล่นก็เล่นได้ 2 กลุ่มพลังงานกับปิโตรเคมี เพราะเป็นกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากปัญหาดังกล่าว” นายเกียรติก้อง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้านปัจจัยในประเทศในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจคงต้องติดตามต่อ เพราะตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่สร้างแรงสะเทือนให้กับรัฐบาลมากนัก ยังเป็นการอภิปรายข้อมูลเดิมๆ ดังนั้น การลงมติครั้งนี้รัฐบาลก็น่าจะผ่านไปได้ และมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยด้วย
ตลาดหุ้นในช่วงบ่าย มองว่า ยังคงแกว่งในแดนบวก หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่ดัชนีตลาดนิกเกอิบวกแรง เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อตลาดหุ้นในเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทย โดยมองแนวรับ 1,000-1,005 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,010-1,013 จุด แนะลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หลังจากดัชนีนิเกอิที่รูดลงมา 3 วันติดต่อกันตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เริ่มดีดกลับขึ้นมาแรงถึง 375 จุดหรือ 4.37% แม้ว่าตลาดหุ้นฮ่องกงยังคงอ่อนตัวลงก็ตาม ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยเปิดบวกและย่ำอยู่ที่เพิ่มขึ้น 4 จุดซื้อขายบริเวณ 1,007จุด โดยนักลงทุนยังคงให้ความสนใจซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น โดยเฉพาะหุ้นเหมืองถ่านหินนำโดย บริษัท บ้านปู (BANPU)บวก 8 บาท ซื้อขายแถว 752 จุด แต่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงแรงกว่า 4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลงมาต่ำกว่า 98 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็นแรงกดดันต่อหุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ให้อ่อนตัวลง1 บาท มาเปลี่ยนมือแถว 176.50 บาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียไซรัส แนะนำการลงทุนช่วงนี้ว่า ให้ทยอยขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้นก่อนดีกว่า และยังไม่ต้องรีบร้อนกลับเข้าซื้อ น่ารอหาจังหวะเมื่อตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายยังอยู่ที่แถวจุดต่ำ 950-940 จุดได้ ทั้งนี้ ตลาดยังถูกปกคลุมด้วยปัจจัยลบ ทั้งกระทบจากญี่ป่นรวมถึงปัญหาในตะวันออกกลางและยุโรป ทำให้ตลาดหุ้นขึ้นไปต่อไปไม่ไหว นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาก อาจเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารในระยะสั้น (KTB, BBL TISCO)และลงทุนหุ้นในกลุ่มที่ได้ผลบวกจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ เช่น กลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น (TOP, ESSO, PTTCH, PTTAR) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC ,SCCC ,TSTH) รวมถึงหุ้นกลุ่มอาหาร (CPF)