หุ้นไทยร่วง 17 จุด นักลงทุนผวาเหตุการณ์ความวุ่นวายในอียิปต์ พร้อมเจอแรงเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์ช่วยกดดันดัชนี ภาพรวมเดือนแรกปีเถาะต่างชาติขายสุทธิ 2.8 หมื่นล้านบาท โบรกเกอร์ประเมินวันนี้ (1 ก.พ.) มีโอกาสรีบาวน์หากปัจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย แต่เตือนต้องจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศด้วย
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (31 ม.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 964.10 จุด ลดลง 17.73 จุด หรือ 1.81% มูลค่าการซื้อขาย 21,292.24 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีความวิตกกังวลเหตุการณ์ในประเทศอียิปต์ เป็นหลัก ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 970.61 จุด และต่ำสุดที่ 962.95 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย1,775.76 ล้านบาท ปิดที่ 335.00 บาท ลดลง 7.00 บาทBANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,709.32 ล้านบาท ปิดที่ 730.00 บาท ลดลง 24.00 บาท IVLมูลค่าการซื้อขาย 1,121.66 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,094.85 ล้านบาท ปิดที่ 15.80 บาท ลดลง 1.00 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,067.75 ล้านบาท ปิดที่ 6.50 บาท ลดลง 0.40 บาท
ขณะที่การซื้อขายสุทธิ พบว่า สถาบัน นักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) มีการขายสุทธิ 1,185.48 ล้านบาท, 884.43 ล้านบาท และ 528.03 ล้านบาท ตามลำดับ ภาพรวมตลอดเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นออกมากว่า 28,629.97 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 35,867.19 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 7,005.29 ล้านบาท และบัญชีบล.ขาย สุทธิ 231 ล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดปิดอ่อนตัวลง 21.00 จุด หรือ 0.4% แตะ 4,753.9 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วง 122.42 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 10,237.92 จุด, ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 38.14 จุด หรือ 1.81% ปิดที่ระดับ 2,069.73, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 37.94 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 2,790.69 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 100.46 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 11,994.68 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปิดร่วงลง 169.68 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ระดับ 23,447.34 จุด
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง ซึ่งหุ้นกลุ่มที่มีแรงขายออกมาอย่างหนักคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับตัวลงเล็กน้อย และถึงแม้ว่าจะมีบางช่วงที่ดัชนีดีดตัวขึ้นไปบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถผ่าน 970 จุดไปได้ ส่วนปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลงแรงมาจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก จากความวิตกกังวลเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในประเทศอียิปต์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็เป็นเรื่องเหตุการณ์ทางการเมือง หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้มีการยื่นข้อเสนอ 3 ข้อกับทางรัฐบาล ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (1 ก.พ.) ถ้าตลาดต่างประเทศคลายความวิตกกังวลเหตุการณ์ในอียิปต์และดีดตัวขึ้น ตลาดหุ้นไทยก็มีการรีบาวน์ทางเทคนิค พร้อมให้แนวรับ 950 จุด แนวต้าน 975 และ 980 จุด
ด้าน นายเทอดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความกังวลเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในอียิปต์ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเทขาย เพื่อทำกำไรออกมาอีกทั้ง นักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ทำให้มีแรงขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนแนวโน้มในวันนี้ (1 ก.พ.) คาดว่า หลังเปิดตลาดดัชนีอาจรีบาวนด์ในช่วงสั้น โดยแนวรับอยู่ที่ 950 จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (31 ม.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 964.10 จุด ลดลง 17.73 จุด หรือ 1.81% มูลค่าการซื้อขาย 21,292.24 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีความวิตกกังวลเหตุการณ์ในประเทศอียิปต์ เป็นหลัก ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 970.61 จุด และต่ำสุดที่ 962.95 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย1,775.76 ล้านบาท ปิดที่ 335.00 บาท ลดลง 7.00 บาทBANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,709.32 ล้านบาท ปิดที่ 730.00 บาท ลดลง 24.00 บาท IVLมูลค่าการซื้อขาย 1,121.66 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,094.85 ล้านบาท ปิดที่ 15.80 บาท ลดลง 1.00 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,067.75 ล้านบาท ปิดที่ 6.50 บาท ลดลง 0.40 บาท
ขณะที่การซื้อขายสุทธิ พบว่า สถาบัน นักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) มีการขายสุทธิ 1,185.48 ล้านบาท, 884.43 ล้านบาท และ 528.03 ล้านบาท ตามลำดับ ภาพรวมตลอดเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นออกมากว่า 28,629.97 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 35,867.19 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 7,005.29 ล้านบาท และบัญชีบล.ขาย สุทธิ 231 ล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดปิดอ่อนตัวลง 21.00 จุด หรือ 0.4% แตะ 4,753.9 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วง 122.42 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 10,237.92 จุด, ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 38.14 จุด หรือ 1.81% ปิดที่ระดับ 2,069.73, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 37.94 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 2,790.69 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 100.46 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 11,994.68 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปิดร่วงลง 169.68 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ระดับ 23,447.34 จุด
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง ซึ่งหุ้นกลุ่มที่มีแรงขายออกมาอย่างหนักคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับตัวลงเล็กน้อย และถึงแม้ว่าจะมีบางช่วงที่ดัชนีดีดตัวขึ้นไปบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถผ่าน 970 จุดไปได้ ส่วนปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลงแรงมาจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก จากความวิตกกังวลเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในประเทศอียิปต์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็เป็นเรื่องเหตุการณ์ทางการเมือง หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้มีการยื่นข้อเสนอ 3 ข้อกับทางรัฐบาล ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (1 ก.พ.) ถ้าตลาดต่างประเทศคลายความวิตกกังวลเหตุการณ์ในอียิปต์และดีดตัวขึ้น ตลาดหุ้นไทยก็มีการรีบาวน์ทางเทคนิค พร้อมให้แนวรับ 950 จุด แนวต้าน 975 และ 980 จุด
ด้าน นายเทอดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความกังวลเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในอียิปต์ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเทขาย เพื่อทำกำไรออกมาอีกทั้ง นักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ทำให้มีแรงขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนแนวโน้มในวันนี้ (1 ก.พ.) คาดว่า หลังเปิดตลาดดัชนีอาจรีบาวนด์ในช่วงสั้น โดยแนวรับอยู่ที่ 950 จุด
