ดัชนีหุ้นไทยรูดตามตลาดหุ้นทั่วภูมิภาค จากความผิดหวังต่อผลดำเนินงานของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และความกังวลจีนอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจที่โตเกินคาด กดดันนักลงทุนต่างชาติเทขาย 2.6 พันล้านบาท ฉุดตลาดหุ้นไทยปิดลบ 12.64 จุด โบรกฯประเมินทิศทางวันนี้ ดัชนีมีโอกาสแค่ทรงตัว หรืออย่างมากรีบาวนด์ขึ้นเล็กน้อย ภายใต้เงื่อนไขไร้ปัจจัยลบเข้ามาซ้ำเติม
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ม.ค.) ดัชนีผันผวนอยู่ในแดนลบ นักลงทุนกังวลว่า จีนอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ หลังตัวเลขจีดีพีที่ประกาศออกมาดีเกินคาด อีกทั้งผิดหวังกับการประกาศผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์ และ เวลล์ ฟาร์โก รวมทั้งตัวเลขการสร้างบ้านงวดเดือน ธ.ค.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่ดีเท่าไร โดยปิดที่ระดับ 1,022.16 จุด ลดลง 12.64 จุด หรือ -1.22% มูลค่าการซื้อขาย 31,178.26 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,031.99 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,017.94 จุด
เมื่อมองดูการซื้อขายสุทธิประจำวัน พบว่า นักลงทุนต่างชาติ มีความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวมาก จนมีการเทขายสุทธิออกมา 2,648.17 ล้านบาท ขณะที่สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ก็เทขายหุ้นออกมาในทิศทางเดียวกัน 445.28 ล้านบาท และ 202.82 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิวานนี้ 3,296.27 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 105 หลักทรัพย์ ลดลง 273 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 137 หลักทรัพย์ และ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ PTTมูลค่าการซื้อขาย 2,970.16 ล้านบาท ปิดที่ 339.00 บาท ลดลง 3.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,809.43 ล้านบาท ปิดที่ 812.00 บาท ลดลง 16.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,605.66 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 0.75บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,554.79 ล้านบาท ปิดที่ 42.75 บาท ลดลง 1.75 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,226.18 ล้านบาท ปิดที่ 6.90 บาท ลดลง 0.15 บาท
ขณะที่ ความเคลื่อนในกระดานหุ้นต่างประเทศ ในภูมิภาคนี้ พบว่า ปรับตัวลดลงทั้งภูมิภาคเริ่มตั้งแต่ ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดลบ 50.90 จุด หรือ 1.1% แตะ 4,783.70 จุด, ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 63.85 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 9,022.17 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วง 119.79 จุด หรือ 1.13% แตะที่ 10,437.31 จุด, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ร่วง 80.45 จุด หรือ 2.92% ปิดที่ 2,677.65 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วง 415.92 จุด หรือ 1.7% ปิดที่ 24,003.70 จุด
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกมา จากการที่ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า แต่ในทางกลับกันนักลงทุนในประเทศก็ยังเข้าซื้ออยู่แต่ก็ไม่มากนัก เพราะตลาดมีความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้สินในยุโรปกดดันอยู่ ทั้งในส่วนของประเทศสเปน และอิตาลี ที่ปัญหากำลังก่อตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (21 ม.ค.) ดัชนีคงแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,017 จุด แนวต้าน 1,030 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส เปิดเผยว่า วานนี้ ที่ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยปัจจัยลบมาจากความกังวลในเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้กลับมากังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของทางการจีนอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงตัวเลขราคาการสร้างบ้านของสหรัฐฯยังกลับมาต่ำสุดในรอบ 1 ปี การที่ดัชนีดาวน์โจนส์ปิดลบหลังผิดหวังกับสาถบันการเงินทั้งขนาดกลางและใหญ่ออกมาน่าผิดหวัง
ทั้งนี้ ประเมินว่า ดัชนีวันนี้หากไม่มีข่าวลบเพิ่มเติม ดัชนีอาจเคลื่อนไหวในระดับที่ทรงตัว หรือมีโอกาสรีบาวนด์ได้เล็กน้อยโดยประเมินกรอบแนวรับที่ 1,020 จุด และแนวต้านที่ 1,040 จุด ทำให้กลยุทธ์ลงทุน คือ อาศัยจังหวะที่ดัชนีอ่อนตัวสะสมหุ้นที่คาดว่าจะมีการประกาศผลการดำเนินงานปีก่อนออกมาดี และมีการจ่ายปันผล
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ม.ค.) ดัชนีผันผวนอยู่ในแดนลบ นักลงทุนกังวลว่า จีนอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ หลังตัวเลขจีดีพีที่ประกาศออกมาดีเกินคาด อีกทั้งผิดหวังกับการประกาศผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์ และ เวลล์ ฟาร์โก รวมทั้งตัวเลขการสร้างบ้านงวดเดือน ธ.ค.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่ดีเท่าไร โดยปิดที่ระดับ 1,022.16 จุด ลดลง 12.64 จุด หรือ -1.22% มูลค่าการซื้อขาย 31,178.26 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,031.99 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,017.94 จุด
เมื่อมองดูการซื้อขายสุทธิประจำวัน พบว่า นักลงทุนต่างชาติ มีความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวมาก จนมีการเทขายสุทธิออกมา 2,648.17 ล้านบาท ขณะที่สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ก็เทขายหุ้นออกมาในทิศทางเดียวกัน 445.28 ล้านบาท และ 202.82 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิวานนี้ 3,296.27 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 105 หลักทรัพย์ ลดลง 273 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 137 หลักทรัพย์ และ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ PTTมูลค่าการซื้อขาย 2,970.16 ล้านบาท ปิดที่ 339.00 บาท ลดลง 3.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,809.43 ล้านบาท ปิดที่ 812.00 บาท ลดลง 16.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,605.66 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 0.75บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,554.79 ล้านบาท ปิดที่ 42.75 บาท ลดลง 1.75 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,226.18 ล้านบาท ปิดที่ 6.90 บาท ลดลง 0.15 บาท
ขณะที่ ความเคลื่อนในกระดานหุ้นต่างประเทศ ในภูมิภาคนี้ พบว่า ปรับตัวลดลงทั้งภูมิภาคเริ่มตั้งแต่ ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดลบ 50.90 จุด หรือ 1.1% แตะ 4,783.70 จุด, ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 63.85 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 9,022.17 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วง 119.79 จุด หรือ 1.13% แตะที่ 10,437.31 จุด, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ร่วง 80.45 จุด หรือ 2.92% ปิดที่ 2,677.65 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วง 415.92 จุด หรือ 1.7% ปิดที่ 24,003.70 จุด
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกมา จากการที่ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า แต่ในทางกลับกันนักลงทุนในประเทศก็ยังเข้าซื้ออยู่แต่ก็ไม่มากนัก เพราะตลาดมีความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้สินในยุโรปกดดันอยู่ ทั้งในส่วนของประเทศสเปน และอิตาลี ที่ปัญหากำลังก่อตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (21 ม.ค.) ดัชนีคงแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,017 จุด แนวต้าน 1,030 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส เปิดเผยว่า วานนี้ ที่ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยปัจจัยลบมาจากความกังวลในเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้กลับมากังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของทางการจีนอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงตัวเลขราคาการสร้างบ้านของสหรัฐฯยังกลับมาต่ำสุดในรอบ 1 ปี การที่ดัชนีดาวน์โจนส์ปิดลบหลังผิดหวังกับสาถบันการเงินทั้งขนาดกลางและใหญ่ออกมาน่าผิดหวัง
ทั้งนี้ ประเมินว่า ดัชนีวันนี้หากไม่มีข่าวลบเพิ่มเติม ดัชนีอาจเคลื่อนไหวในระดับที่ทรงตัว หรือมีโอกาสรีบาวนด์ได้เล็กน้อยโดยประเมินกรอบแนวรับที่ 1,020 จุด และแนวต้านที่ 1,040 จุด ทำให้กลยุทธ์ลงทุน คือ อาศัยจังหวะที่ดัชนีอ่อนตัวสะสมหุ้นที่คาดว่าจะมีการประกาศผลการดำเนินงานปีก่อนออกมาดี และมีการจ่ายปันผล