ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยรีบาวน์แรง บวกเพิ่ม15 จุด จากแรงหนุนปัจจัยลบฝั่งยุโรปคลี่คลาย หลังโปรตุเกสประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตร อีกทั้งแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ช่วยสนับสนุน ดันต่างชาติลดน้ำหนัก การเทกระจาดขายหุ้น โบรกฯมองวันนี้(14ม.ค.) ดัชนีมีโอกาสทั้งขึ้นและลง ด้าน “กรณ์”ฟุ้งหุ้นไทยมีนี้มีสิทธิ์ขึ้นไปถึง 1,700 จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (13ม.ค.) ปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดวัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยปิดที่ระดับ 1,035.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ1.53%มูลค่าการซื้อขาย 39,065.16 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,035.08 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 1,025.97 จุด เพราะปัจจัยลบในต่างประเทศดูดีขึ้น อีกทั้งมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มาช่วยสนับสนุน หลังจาก คณะกรรมการนโยบายการเงินปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%
โดย การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า สถาบันซื้อสุทธิ 2,246.32 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 75.47 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 55.31 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,226.47 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,475.44 ล้านบาท ปิดที่ 101.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,144.47 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท STA มูลค่าการซื้อขาย 1,984.70 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท ลดลง 1.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,952.54 ล้านบาท ปิดที่ 333.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท และ IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,816.40 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดพุ่งขึ้น 71 จุด หรือ 1.5% แตะ 4,795.2 จุด ,ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปิด ปรับตัวขึ้น 10.58 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 8,975.58 จุด , ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดพุ่งขึ้น 76.96 จุด หรือ 0.73% แตะที่ 10,589.76 จุด , ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนาม ปิดบวก 5.67 จุด หรือ 1.19% แตะ 484.12 จุด ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนปิดบวก 6.41 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 2,827.71 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดบวก 113.37 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 24,238.98 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมองว่าเป็นการรีบาวน์หลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้รับปัจจัยบวกจากการที่โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตร ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด แต่ยังต้องจับตาการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีต่อไป ถ้าได้รับการตอบรับดีคงทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ ภาพรวมปัญหาเรื่องหนี้ในยุโรปยังไม่ถือว่าหมดไป เพียงแค่ผ่อนคลายลงเท่านั้น ส่วนปัจจัยในประเทศ นักลงทุนต้องจับตาผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์หน้า
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(14 ม.ค.) ดัชนีคงปรับตัวขึ้นต่อไปเล็กน้อย และอาจลงไปในแดนลบให้เห็นบ้าง แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ในหุ้นพื้นฐานดี พร้อมให้กรอบการแกว่งที่ 1,025-1,036 จุด
** 'กรณ์'สุดมั่นหุ้นไทยมีโอกาสขยับถึง1,700จุด
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเสวนา "ไทยยังเข้มแข็งหุ้นไทยจะยังแรงแค่ไหนในปี 2554" ว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังปรับได้ดีต่อเนื่อง มีโอกาสปรับตัวได้ไปถึง 1,754 จุดได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นเมื่อใด โดยตลาดหุ้นไทยถือเป็นหนึ่งในสองตลาดในภูมิภาคเอเชีย ที่ดัชนียังไม่กลับไปจุดเดิมที่เคยสูงสุดก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง
"ที่ผ่านมาสองปี หุ้นปรับได้ดีจาก 300 จุดมาถึงพันกว่าจุดในปัจจุบัน หากการขยายตัวในอนาคตจะเพิ่มได้อีกสามร้อยจุดต่อปี ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ เพราะผลประกอบการของบริษัทยังออกมาดี นอกจากนี้เศรษฐกิจก็ขยายตัวได้ดี"
แต่สิ่งที่ตลาดหุ้นน่าห่วงเรื่องปัจจัยเสี่ยงของจีน หากการขยายตัวลดลงเหลือ 6% จากที่ขยายตัวได้ 8-9% ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยแน่ ส่วนมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าคงไม่ออกมากระทบตลาดหุ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 30 บาทกว่าแล้ว และตอนนี้เชื่อว่านักลงทุนเป็นห่วงราคาน้ำมันมากกว่า เพราะถ้าเงินบาทอ่อนจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (13ม.ค.) ปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดวัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยปิดที่ระดับ 1,035.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ1.53%มูลค่าการซื้อขาย 39,065.16 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,035.08 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 1,025.97 จุด เพราะปัจจัยลบในต่างประเทศดูดีขึ้น อีกทั้งมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มาช่วยสนับสนุน หลังจาก คณะกรรมการนโยบายการเงินปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%
โดย การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า สถาบันซื้อสุทธิ 2,246.32 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 75.47 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 55.31 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,226.47 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,475.44 ล้านบาท ปิดที่ 101.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,144.47 ล้านบาท ปิดที่ 169.50 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท STA มูลค่าการซื้อขาย 1,984.70 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท ลดลง 1.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,952.54 ล้านบาท ปิดที่ 333.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท และ IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,816.40 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดพุ่งขึ้น 71 จุด หรือ 1.5% แตะ 4,795.2 จุด ,ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปิด ปรับตัวขึ้น 10.58 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 8,975.58 จุด , ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดพุ่งขึ้น 76.96 จุด หรือ 0.73% แตะที่ 10,589.76 จุด , ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนาม ปิดบวก 5.67 จุด หรือ 1.19% แตะ 484.12 จุด ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนปิดบวก 6.41 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 2,827.71 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดบวก 113.37 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 24,238.98 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมองว่าเป็นการรีบาวน์หลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้รับปัจจัยบวกจากการที่โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตร ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด แต่ยังต้องจับตาการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีต่อไป ถ้าได้รับการตอบรับดีคงทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ ภาพรวมปัญหาเรื่องหนี้ในยุโรปยังไม่ถือว่าหมดไป เพียงแค่ผ่อนคลายลงเท่านั้น ส่วนปัจจัยในประเทศ นักลงทุนต้องจับตาผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์หน้า
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(14 ม.ค.) ดัชนีคงปรับตัวขึ้นต่อไปเล็กน้อย และอาจลงไปในแดนลบให้เห็นบ้าง แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ในหุ้นพื้นฐานดี พร้อมให้กรอบการแกว่งที่ 1,025-1,036 จุด
** 'กรณ์'สุดมั่นหุ้นไทยมีโอกาสขยับถึง1,700จุด
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเสวนา "ไทยยังเข้มแข็งหุ้นไทยจะยังแรงแค่ไหนในปี 2554" ว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังปรับได้ดีต่อเนื่อง มีโอกาสปรับตัวได้ไปถึง 1,754 จุดได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นเมื่อใด โดยตลาดหุ้นไทยถือเป็นหนึ่งในสองตลาดในภูมิภาคเอเชีย ที่ดัชนียังไม่กลับไปจุดเดิมที่เคยสูงสุดก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง
"ที่ผ่านมาสองปี หุ้นปรับได้ดีจาก 300 จุดมาถึงพันกว่าจุดในปัจจุบัน หากการขยายตัวในอนาคตจะเพิ่มได้อีกสามร้อยจุดต่อปี ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ เพราะผลประกอบการของบริษัทยังออกมาดี นอกจากนี้เศรษฐกิจก็ขยายตัวได้ดี"
แต่สิ่งที่ตลาดหุ้นน่าห่วงเรื่องปัจจัยเสี่ยงของจีน หากการขยายตัวลดลงเหลือ 6% จากที่ขยายตัวได้ 8-9% ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยแน่ ส่วนมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าคงไม่ออกมากระทบตลาดหุ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 30 บาทกว่าแล้ว และตอนนี้เชื่อว่านักลงทุนเป็นห่วงราคาน้ำมันมากกว่า เพราะถ้าเงินบาทอ่อนจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
