หุ้นไทยเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสวนกระแสตลาดหุ้นภูมิภาค โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.47% ได้รับแรงหนุนจากการซื้อกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันขึ้นกระฉูด ต่างชาติพากันซื้อสุทธิกว่า 8.4 พันล้านบาท
วันนี้ (10 มี.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ปิดที่ 987.91 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.47% จากสิ้นเดือนก่อน สวนทางกับตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากผู้ลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 8,432 ล้านบาท และการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่มพลังงานในช่วงที่ราคาน้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,003,836 ล้านบาท และ forward P/E ratioปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.79 เท่า จาก 11.48 เท่า ณ สิ้นเดือนก่อน
สำหรับในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงกลางเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนต่างประเทศเริ่มมีสถานะซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย และเป็นช่วงที่สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ในประเทศแถบตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือส่งสัญญาณความรุนแรงมากขึ้น จนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ปิดที่ 987.91 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.47% จากสิ้นเดือนก่อน แต่ยังคงปรับตัวลดลง 4.34% จากสิ้นปี 2553 ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 263.56 จุด ปรับตัวลดลง 0.57% จากสิ้นเดือนก่อน และลดลง 3.37% จากสิ้นปี 2553
ส่วนดัชนีหลักทรัพย์รายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ยกเว้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลดลง โดยกลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มทรัพยากร เป็นเพียง 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ดัชนีหลักทรัพย์รายกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า การเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.49% และ 4.07% จากเดือนก่อน ตามลำดับ
ด้านราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ของ SET อยู่ที่ 8,003,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.47% จากเดือนก่อน ในขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ mai อยู่ที่ 51,152 ล้านบาท ลดลง 5.53% จากเดือนก่อน เนื่องจาก บมจ.เด็มโก้ ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเท่ากับ 2,128 ล้านบาท ได้เปลี่ยนการจดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์ mai ไปที่ตลาดหลักทรัพย์ (SET)
นอกจากนี้ ราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังส่งผลให้อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.79 เท่า จาก 11.48 เท่า ณ สิ้นเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีหลักทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ไทยยังคงให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุดในภูมิภาค โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 3.80% ซึ่งใกล้เคียงกับ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.82%
อย่างไรก็ตาม มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ของ SET และ mai อยู่ที่ 28,124.64 ล้านบาท ลดลง 21.88% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 97.43% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โดยผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิด้วยมูลค่า 8,432 ล้านบาทและมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขาย 25.73% ของมูลค่าซื้อขายรวม ซึ่งเป็นสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 29 เดือน นับจากเดือนตุลาคม 2551 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2554 จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสถานะขายสุทธิ 20,248 ล้านบาท
โดยหากพิจารณาตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคเพิ่ม ขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับหมวดอื่น โดยเพิ่มเป็น 33.28% ของมูลค่าซื้อขายรวม จาก 29.28% ในเดือนก่อน นอกจากนี้ หากพิจารณาสัดส่วนมูลค่าซื้อขายแยกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พบว่า ผู้ลงทุนสนใจซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา ตลาดสูงสุด 10 อันดับแรก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45.59% ของมูลค่าซื้อขายรวม จาก 42.06% ในเดือนก่อน
ขณะที่ตลาดอนุพันธ์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวม 25,199 สัญญา เพิ่มขึ้น 79.88% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2553 แต่ลดลง 5.17% จากเดือนก่อน ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณการซื้อขาย Single Stock Futures ลดลง 29.25% จากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายของ SET50 Index Futures รวมทั้ง Gold Futures ทั้งขนาด 50 บาท และ 10 บาทปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย Gold Futures ขนาด 10 บาท มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน 3,430 สัญญา ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มซื้อขายในเดือนสิงหาคม 2553
อนึ่ง การระดมทุนในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในตราสารทุนมูลค่ารวม 23,650.11 ล้านบาท โดยมีการระดมทุนเฉพาะในตลาดรองเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนของ 2 บริษัท ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) และ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) มูลค่าระดมทุน 17,280 ล้านบาท และ 6,099 ล้านบาท ตามลำดับ