ตลาดอนุพันธ์ รุกเพิ่มสินค้า Single Stock Futures อีก 16 ตัว ในวันที่ 21 มี.ค. หวังช่วยกระตุ้นดันหุ้นไทยเข้าดัชนี MSCI มากขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย วางเป้าในอนาคตออกครบ 50 ตัวใน Set 50 พร้อมทยอยออกสินค้าใหม่ในปีนี้ต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ Silver Futures, Oil Futures, Thai DR และ Gold ETF
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX เปิดเผยว่า แผนงานของ TFEX ในปีนี้ มีแผนที่จะเพิ่มสินค้าเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 21 มี.ค.นี้ จะเพิ่ม Single Stock Futures (SSF) อีก 16 ตัวเข้าสู่ตลาด จากเดิม 14 ตัว รวมเป็น 30 ตัว และในอนาคตตั้งเป้าจะเพิ่ม SSF ให้ครบ 50 ตัว ตามหุ้นอ้างอิงใน SET50
สำหรับสินค้า SSF เดิมที่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากสินค้าบางตัวอาจมีต้นทุนสูง ทาง TFEXพิจารณาว่า อาจมีแผนการปรับเปลี่ยนขนาดของสัญญา หรือการวางมาร์จินให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการซื้อขายในสินค้าดังกล่าว เช่น ปัจจุบัน 1 สัญญา เท่ากับ 1,000 หุ้น อาจปรับเปลี่ยนเป็น 1 สัญญา เท่ากับ 100 หุ้น แทน
นอกจากนี้ จะขออนุญาตจาก ก.ล.ต.ในการปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของราคา ที่แต่เดิมจะปรับตัวขึ้นลงครั้งละ 10 สตางค์ เปลี่ยนเป็นครั้ง 1 สตางค์แทน เพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตัวสินค้า โดยจากสอบถามความคิดเห็นของโบรกเกอร์ พบว่า แต่แห่งเห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนที่สามารถเข้าซื้อได้ในทุกราคา
ขณะเดียวกัน ในเดือนมิถุนายนนี้ TFEX จะมีสินค้า Silver Futures (โลหะเงินล่วงหน้า) และการขยายเวลาซื้อขายสินค้า Gold Futures และ Silver Futures ตั้งแต่เวลา 18.30-22.30 น.โดยปัจจุบัน TFEX กำลังเตรียมการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้พร้อมกับการซื้อขายจริงที่จะเกิดขึ้น และในไตรมาส 4 ทาง TFEX จะเพิ่มสินค้า Oil Futures, Thai DR และ Gold ETF ออกมาเพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนตามที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ TFEX ตั้งเป้าปริมาณการซื้อขายในทุกสินค้าในปี 54 ไว้ที่ 2 หมื่นสัญญา/วัน จากปีก่อนที่ระดับ 18,676 สัญญาต่อวัน โดย SET50 Futures มีสัดส่วนการซื้อขายคิดเป็น 40-50% และปริมาณการซื้อขายต่อวัน 12,000 สัญญา ขณะที่ Gold Futures มีสัดส่วน 25-30% และมีการซื้อขายต่อวันประมาณ 7,000 สัญญา และ Single Stock Futures มีสัดส่วนการซื้อขาย 20-25% ซื้อขายต่อวัน และมีปริมาณการซื้อขายต่อวัน 5,000-6,000 สัญญา
สำหรับการเพิ่มสินค้าใน SSF ครั้งนี้ ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้เหตุผลว่า ด้วยการที่ ตลท.เตรียมพัฒนาหุ้นไทยให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้หุ้นไทยให้เข้าไปอยู่ในเกณฑ์ของดัชนี MSCI ให้มากขึ้นนั้น การเพิ่มสินค้าของTFEX ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มเครื่องมือในการลงทุนของผ่านหุ้น ในประเภทดังกล่าว ให้ได้รับความสนใจ และช่วยสร้างปริมาณการซื้อขาย จนสามารถผลักดันตัวหุ้นเข้าไปอยู่ในดัชนีได้
โดยหุ้นประเภทนี้ สามารถแบ่งกฎเกณฑ์ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นที่อ้างอิงในดัชนี MSCI ซึ่งมีหุ้นอยู่ในกลุ่มนี้ประมาณ 20 ตัว กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในดัชนี MSCI แต่มีกฎเกณฑ์เข้าหลักการดังกล่าว ซึ่งมีหุ้นกลุ่มนี้ประมาณ 10 ตัว และกลุ่มที่ 3 คือ หุ้นที่มีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 1-10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มจะสามารถเข้ากลุ่ม MSCI ได้
นอกจากนี้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ TFEX จึงออก SSF ในหุ้นขนาดกลางบางประเภทที่ได้รับความสนใจของนักลงทุนเข้ามาเป็นสินค้าด้วย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX เปิดเผยว่า แผนงานของ TFEX ในปีนี้ มีแผนที่จะเพิ่มสินค้าเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 21 มี.ค.นี้ จะเพิ่ม Single Stock Futures (SSF) อีก 16 ตัวเข้าสู่ตลาด จากเดิม 14 ตัว รวมเป็น 30 ตัว และในอนาคตตั้งเป้าจะเพิ่ม SSF ให้ครบ 50 ตัว ตามหุ้นอ้างอิงใน SET50
สำหรับสินค้า SSF เดิมที่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากสินค้าบางตัวอาจมีต้นทุนสูง ทาง TFEXพิจารณาว่า อาจมีแผนการปรับเปลี่ยนขนาดของสัญญา หรือการวางมาร์จินให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการซื้อขายในสินค้าดังกล่าว เช่น ปัจจุบัน 1 สัญญา เท่ากับ 1,000 หุ้น อาจปรับเปลี่ยนเป็น 1 สัญญา เท่ากับ 100 หุ้น แทน
นอกจากนี้ จะขออนุญาตจาก ก.ล.ต.ในการปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของราคา ที่แต่เดิมจะปรับตัวขึ้นลงครั้งละ 10 สตางค์ เปลี่ยนเป็นครั้ง 1 สตางค์แทน เพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตัวสินค้า โดยจากสอบถามความคิดเห็นของโบรกเกอร์ พบว่า แต่แห่งเห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนที่สามารถเข้าซื้อได้ในทุกราคา
ขณะเดียวกัน ในเดือนมิถุนายนนี้ TFEX จะมีสินค้า Silver Futures (โลหะเงินล่วงหน้า) และการขยายเวลาซื้อขายสินค้า Gold Futures และ Silver Futures ตั้งแต่เวลา 18.30-22.30 น.โดยปัจจุบัน TFEX กำลังเตรียมการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้พร้อมกับการซื้อขายจริงที่จะเกิดขึ้น และในไตรมาส 4 ทาง TFEX จะเพิ่มสินค้า Oil Futures, Thai DR และ Gold ETF ออกมาเพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนตามที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ TFEX ตั้งเป้าปริมาณการซื้อขายในทุกสินค้าในปี 54 ไว้ที่ 2 หมื่นสัญญา/วัน จากปีก่อนที่ระดับ 18,676 สัญญาต่อวัน โดย SET50 Futures มีสัดส่วนการซื้อขายคิดเป็น 40-50% และปริมาณการซื้อขายต่อวัน 12,000 สัญญา ขณะที่ Gold Futures มีสัดส่วน 25-30% และมีการซื้อขายต่อวันประมาณ 7,000 สัญญา และ Single Stock Futures มีสัดส่วนการซื้อขาย 20-25% ซื้อขายต่อวัน และมีปริมาณการซื้อขายต่อวัน 5,000-6,000 สัญญา
สำหรับการเพิ่มสินค้าใน SSF ครั้งนี้ ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้เหตุผลว่า ด้วยการที่ ตลท.เตรียมพัฒนาหุ้นไทยให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้หุ้นไทยให้เข้าไปอยู่ในเกณฑ์ของดัชนี MSCI ให้มากขึ้นนั้น การเพิ่มสินค้าของTFEX ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มเครื่องมือในการลงทุนของผ่านหุ้น ในประเภทดังกล่าว ให้ได้รับความสนใจ และช่วยสร้างปริมาณการซื้อขาย จนสามารถผลักดันตัวหุ้นเข้าไปอยู่ในดัชนีได้
โดยหุ้นประเภทนี้ สามารถแบ่งกฎเกณฑ์ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นที่อ้างอิงในดัชนี MSCI ซึ่งมีหุ้นอยู่ในกลุ่มนี้ประมาณ 20 ตัว กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในดัชนี MSCI แต่มีกฎเกณฑ์เข้าหลักการดังกล่าว ซึ่งมีหุ้นกลุ่มนี้ประมาณ 10 ตัว และกลุ่มที่ 3 คือ หุ้นที่มีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 1-10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มจะสามารถเข้ากลุ่ม MSCI ได้
นอกจากนี้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ TFEX จึงออก SSF ในหุ้นขนาดกลางบางประเภทที่ได้รับความสนใจของนักลงทุนเข้ามาเป็นสินค้าด้วย
