xs
xsm
sm
md
lg

บมจ.ดิ้นหาเงิน!! "KCE" แปลงหนี้บาทเป็นดอลลาร์-"โทรีเซนไท"โยกขาย 50 ล้านหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบอินเทอร์เน็ต
เหล่า บมจ. ปรับกลยุทธ์หาเงิน "KCE" งัดแผนแปลงหนี้บาทเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ล็อกอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวป้องกันความเสี่ยง ด้าน "โทรีเซนไท" โยกขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 50 ล้านหุ้น หลังผู้ถือหุ้นไฟแดงหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

วันนี้ (7 มี.ค.) นายพิธาน องค์โฆสิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์จำกัด (มหาชน) (บมจ.) (KCE) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนแปลงหนี้(SWAP) ระยะยาวจากสกุลเงินบาทเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท ขณะที่หนี้ระยะสั้นมีจำนวน3,000 ล้านบาทจากมูลหนี้ทั้งสิ้น 4,900 ล้านบาท

"การแปลงหนี้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทและคาดว่าการแปลงหนี้จะเสร็จสิ้นช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขณะที่คาดว่าค่าเงินบาทปีนี้จะอยู่ที่ 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ"

นอกจากนี้ บริษัทจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในสกุลเงินบาทที่บริษัทได้รับอยู่ที่ 3.5% ต่อปี และหากมีการเปลี่ยนสกุลเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราดอกเบี้ยคงที่จะเพิ่มขึ้นเป็น4.7-4.8%ต่อปี

ด้าน ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซี่ส์ (TTA)กล่าวว่าบริษัทจะต้องมีการปรับแผนงานระดมเงินทุนใหม่หลังจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีมติไม่อนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯรวมทั้งไม่อนุมัติให้ออกหุ้นใหม่จำนวน185 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพ แต่อนุมัติแผนเพิ่มทุน50ล้านหุ้นเสนอขายแก่บุคคลเฉพาะเจาะจง (PP)โดยบริษัทคาดว่าอาจจะหันมาออกหุ้นกู้หรือกู้เงินสถาบันการเงินแทน

"บริษัทยังมีความสามารถกู้เงินเพิ่มได้ โดยอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.5 เท่าส่วนการออกหุ้นกู้คาดว่าจะออกได้คราวละ1,500 ล้านบาท"

กรรมการผู้จัดการใหญ่ TTA กล่าวต่อว่า เดิมแผนการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯนั้น บริษัทจะนำเงินจำนวน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้แปลงสภาพชุดก่อนที่จะครบกำหนดในเดือนกันยายน2554 และเดือนกันยายน 2555 ปีละ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนที่เหลือ60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
กำลังโหลดความคิดเห็น