"TTA" คาดค่าระวางเรือนี้ต่ำกว่า 1.2 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อวัน โดยมีแผนปลดระวางเรือเก่า และเล็งซื้อลำใหม่ นอกจากนี้ ยังปรับแผนระดมเงินใหม่ นำเงิน 80 ล้านเหรียญสหรัฐไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้แปลงสภาพชุดเดิม ส่วนอีก 60 ล้านเหรียญสหรัฐใช้เป็นทุนบริษัท
วันนี้ (3 มี.ค.) มล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซี่ส์ (TTA) กล่าวว่า คาดว่าค่าระวางเรือในช่วงที่เหลือของปี 54 (ม.ค.-ก.ย.54) มีแนวโน้มต่ำลงต่อไปจากไตรมาส 1/54 ซึ่งมีค่าระวางเรือที่ 1.2 หมื่นเหรียญสหรัฐ/วัน เนื่องจากธุรกิจเดินเรือแบบเทกองยังมีแนวโน้มไม่ดีต่อไปอีกประมาณ 2 ปี เพราะมีซัพพลายในตลาดโลกมาก โดยจะเป็นช่วงทยอยรับมอบเรือใหม่ที่สั่งต่อเมื่อปี 49-51 และในปี 52-54
"ราคาหุ้น TTA ไม่ได้ผันแปรตาม SET แต่ขึ้นอยู่กับดัชนี BDI...วันนี้ BDI อยู่ที่ 1,200 จุดและคิดว่าค่าระวางเรืออาจจะไปถึง 8,000 เหรียญต่อวันเดินเรือ ทำให้ธุรกิจเดินเรือลำบาก" มล.จันทรจุฑา กล่าว
ทั้งนี้ สิ้นงวดปี 53 ดัชนี BDI ปิดที่ 2,468 จุด ณ 30 ก.ย.55 ขณะที่บริษัทมีอัตราค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยของกองเรืออยู่ที่ 12,619 เหรียญสหรัฐ/วัน เทียบกับ 11,127 เหรียญสหรัฐ/ต่อวันในงวดปี 52 บริษัทมีรายได้จาการดำเนินงาน 1.8 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 7.1% และกำไรสุทธิ 795.57 ล้านบาท ลดลง 56.9% จากปีก่อน โดยปัจจุบัน บริษัทมีเรืออยู่ 25 ลำที่เป็นเจ้าของ และอีก 10 ลำเป็นการเช่า รวมทั้งกองเรือมีทั้งหมด 35 ลำ
มล.จันทรจุฑา กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทจะปลดระวางเรือที่มีอายุการใช้งานนานออกไปอีกประมาณ 4-5 ลำ และอาจจะซื้อเรือใหม่บ้าง แต่คงจะไม่ใช้การซื้อเรือใหม่เข้ามาทดแทนท้นที เพราะขณะนี้ราคาเรือมือสองก็ยังค่อนข้างสูง ยังไม่คุ้มที่จะลงทุนขยายกองเรือ และจะไม่เช่าเรือเข้ามามาก เพราะจะทำให้ต้นทุนแปรผันตามตลาด
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทมีกำหนดรับมอบเรือใหม่ที่ได้สั่งต่อเรือไว้ 2 ลำ โดยจะรับมอบในเดือน มิ.ย.และต.ค.54 โดยลงทุน 80 ล้านเหรียญ ซึ่งได้จ่ายไปบ้างแล้วคงเหลือเงินงวดสุดท้าย
สำหรับธุรกิจของเมอร์เมด ซึ่งดำเนินธุรกิจงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำและบริการงานเรือขุดเจาะให้กับกลุ่มธุรกิจพลังงานนั้น มล.จันทรจุฑา กล่าวว่า บริษัทไม่มีแผนจะลงทุนเพิ่มในเมอร์เมด และหากอนาคตเมอร์เมอต้องการลงทุนเพิ่มก็ต้องใช้เงินตัวเอง เนื่องจากเมอร์เมดก็อยู่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่แล้วสามารถทำการระดมทุนด้วยตัวเองได้
นอกจากนั้น ในอนาคตบริษัทอาจจะพิจารณาขายหุ้นออกไปหากได้รับข้อเสนอที่ให้ราคาดี จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 57% แต่ในขณะนี้บริษัทก็คงต้องยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเมอร์เมดต่อไป หรือถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50% เพราะติดเงื่อนไขเงินกู้ของเมอร์เมด
"เราเคยคิดจะขายหุ้นเพราะว่าเรามีต้นทุนหุ้นเมอร์เมดต่ำกว่านักลงทุนอื่นอยู่มาก แต่จะขายในอนาคต ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครเสนอราคาดีเข้ามาก็ไม่แน่ TTA ไม่คิดลงทุนในเมอร์เมดเพิ่ม"
กรรมการผู้จัดการใหญ่ TTA กล่าวว่า บริษัทจะต้องมีการปรับแผนงานระดมเงินทุนใหม่ หลังจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวานนี้มีมติไม่อนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 140 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งไม่อนุมัติให้ออกหุ้นใหม่จำนวน 185 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพ แต่อนุมัติแผนเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้นเสนอขายแก่บุคคลเฉพาะเจาะจง (PP) โดยบริษัทคาดว่าอาจจะหันมาออกหุ้นกู้ หรือกู้เงินสถาบันการเงินแทน ขณะนี้บริษัทยังมีความสามารถได้ขอเงินกู้เพิ่มได้ โดยอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.5 เท่า ส่วนการออกหุ้นกู้คาดว่าจะออกได้คราวละ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับบ BBB
"เดิมแผนการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 140 ล้านเหรียญสหรัฐ จะนำเงินจำนวน 80 ล้านเหรียญสหรัฐไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้แปลงสภาพชุดก่อนที่จะครบกำหนดใน ก.ย.54 และ ก.ย.55 ปีละ 40 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลือ 60 ล้านเหรียญสหรัฐใช้เป็นทุนของบริษัท"
นอกจากนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้มีการเสนอขอให้บริษัทจ่ายเงินปันผลมากกว่าที่คณะกรรมการเสนอมาที่อัตราหุ้นละ 0.26 บาท และในช่วงที่พิจารณาวาระดังกล่าวเกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยเสนอให้จ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 0.50-1.00 บาท เพราะเห็นว่ายังมีความสามารถจ่ายได้จากกระแสเงินสดสิ้นงวดปี 53 (สิ้นสุด ก.ย.53) ที่มีอยู่จำนวน 2 หมื่นล้านบาท
ในที่สุด มล.จันทรจุฑา กล่าวกับที่ประชุมว่า จะนำข้อเสนอไปหารือกับผู้ถือหุ้นต่างประเทศ และจะนำเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการบริษัทในครั้งต่อไป
ขณะที่ ได้มีการชี้แจงว่ากระแสเงินสด ณ สิ้น ธ.ค. 53 หรือสิ้นไตรมาส 1/54 ลดลงต่ำกว่า 5 พันล้านบาท เพราะนำเงินไปซื้อเรือมือสอง อีกทั้งยังต้องกันเงินเพื่อไปชำระหนี้ 2 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดภายใน 12 เดือน