“พาณิชย์” เผย ดัชนี CPI เดือน ก.พ.พบว่า เพิ่มขึ้น 2.87% ส่วนเดือน มี.ค.คาดเงินเฟ้อปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มากเนื่องจากราคาสินค้าอยู่ในช่วงควบคุม โดยขณะนี้กำลังพิจารณาน้ำมันถั่วเหลืองขอปรับราคาขึ้น สำหรับหุ้นค้าปลีก “CPALL-HMPRO” รุ่ง แนะ “ซื้อ”
วันนี้ (2 มี.ค.) นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกุมภาพันธ์ ว่า เพิ่มขึ้น 2.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.40% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ CPI เฉลี่ย 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.54) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.95% โดยเดือนมีนาคม 2554 คาดอัตราเงินเฟ้อจะปรับขึ้นเล็กน้อย ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน แต่จะไม่เพิ่มขึ้นมากเพราะราคาสินค้าอื่นๆ ยังอยู่ในช่วงของการควบคุมราคาอยู่ ขณะที่คาดอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 1/2554 จะอยู่ที่ 3.09% ก่อนจะเพิ่มเป็น 3.45% และ 3.5-3.6% ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ แต่ทั้งปีก็คงอยู่ในกรอบ 3.2-3.7% เท่าเดิม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาสินค้าที่มีการขอปรับเพิ่มขึ้น เช่นน้ำมันถั่วเหลือง โดยยืนยันว่าจะไม่เพิ่มราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด แต่จะพิจารณาตามโครงสร้างของต้นทุน และโครงสร้างของสินค้าทดแทนอื่นๆ
o หุ้นค้าปลีกลิงโลด
ด้าน นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตัวเลข CPI และ Core CPI ที่ปรับเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณบวกต่อหุ้นกลุ่มพาณิชย์และค้าปลีกโดยตรง ทั้งนี้ได้ให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด
สำหรับการลงทุนในหุ้นค้าปลีกโดยเลือก CPALL และ HMPRO เป็นหุ้นเด่น ส่วนสาเหตุที่คาดผลประกอบการในปี 2554 ของหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพราะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น อาทิ มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาล ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มเงินเดือนข้าราชการและการดูแลราคาสินค้าบางอย่างเป็นต้น โดยประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดมากขึ้น
ส่วนประมาณการปี 2554 ของ CPALL แม้บริษัทจะมีการขยายสาขากระจายทั่วประเทศแล้ว และอาจจะทำให้มีข้อจำกัดในการขยายสาขา แต่ CPALL สามารถขยายธุรกิจบริการผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสของแต่ล่ะสาขาได้ ซึ่งจะช่วยเสริมผลงานให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ประเมินรายได้รวมในปีนี้ไว้ที่1.15 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 8,000 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48.50 บาทด้าน HMPRO จะได้ผลบวกจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่คาดในปีนี้จะมียอดโอนที่สูง แม้ยอดพรีเซลจะลดลง รวมทั้งบริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่ทุกปีละ4-5 สาขา และมีการบริหารต้นทุนที่ดีดังนั้นคาดรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 2.56 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,900 ล้านบาท แนะ “ซื้อ” พร้อมกันนี้ HMPRO อยู่ระหว่างการจ่ายปันผลเป็นหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เมษายนนี้ ซึ่งแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ที่11.80 บาท และหลังขึ้นเครื่องหมายXD มีราคาที่เหมาะสมที่ 10.10 บาท
o BIGC ฟันกำไร 2.8 พันล้านบาท
ขณะที่ นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2553 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 2,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 19 ล้านบาท หรืออัตรา0.6% จากกำไรในปี 2552 โดยบริษัทมียอดขายปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าสาขาราชดำริจะปิดปรับปรุงชั่วคราว โดยยอดขายของบริษัทและบริษัทรวมในปี 2553 มีจำนวน70,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน2,178 ล้านบาท หรืออัตรา 3.2% ทั้งนี้เพราะการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมและการขยายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 4 สาขาและจูเนียร์จำนวน 2 สาขา ในระหว่างปีโดยเฉพาะในไตรมาส 4/2553
นอกจากนี้ รายได้ค่าเช่าและค่าบริการในประจำปี 2553 มีจำนวน 4,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2552 จำนวน 152 ล้านบาท หรืออัตรา 3.7% นอกจากนี้ ยังมีรายได้อื่น จำนวน 9,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 935 ล้านบาท หรืออัตรา 11%