“บิ๊กกรุงไทย” โอด รายได้ปี 54 ส่อแววหด หลังต้องปรับลดค่าต๋งตามคำสั่งกระทรวงคลัง จึงทำให้ต้องปรับแผนหาช่องทางปั๊มรายได้ชดเชยเล็งผุดธุรกรรมรูปแบบใหม่ Non-Bank หวังโขกรายได้ปี 54 กระเตื้องขึ้น ส่วนกำไรปีนี้ ตั้งเป้าโตไว้ 12% โกย 1.7 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (4 ก.พ.) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า จากการที่ในปี 2554 นี้ ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบจะมีการปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียมใหม่ตามข้อตกลงระหว่างสมาคมธนาคารไทยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น เชื่อว่า จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารในปีนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจำเป็นที่จะต้องหาวิธีในการสร้างรายได้เพื่อชดเชยรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ลดลง โดยในส่วนของ KTB นั้นได้เตรียมวิธีในการสร้างรายได้เพื่อชดเชยรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงจากธุรกรรมประเภท Non-Bank หรือธุรกรรมที่ไม่ใช่การรับฝากเงิน ซึ่งแม้ว่าจะไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับธนาคารได้มากนัก หากเทียบกับรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงไปก็ตาม
“ปีนี้โครงสร้างค่าธรรมเนียมของแบงก์พาณิชย์จะเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเป็นห่วงที่เรื่องนี้อาจทำให้รายได้ของแบงก์พาณิชย์ลดลง แต่ก็คงต้องมองหาตัวช่วยอื่นเข้ามาชดเชยเช่น ขายธุรกรรม Non-Bank Pro duct ก็น่าจะพอชดเชยกับที่หายไปได้แต่คงไม่ทั้งหมด ซึ่งแทนที่ปีนี้รายได้ตรงนี้ควรจะโตได้อีกเยอะก็จะไม่โต แต่ก็หวังว่ารายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไปแต่จะไม่ทำให้ตัวเลขรายได้ในส่วนนี้ลดลงจากปีก่อนมากนัก” นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำหรับในช่วงไตรมาส 1/2554 นี้สมาคมธนาคารไทยได้เตรียมที่จะปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ในบางรายการ โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมบริการผ่านเครื่องกดเงินอัตโนมัติ (ATM) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านระบบ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมของระบบธนาคาร
ส่วนกรณีที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รวมไปถึงกระทรวงการคลัง อาจมีข้อตกลงร่วมกันในการขายหุ้น KTB ที่กองทุนฟื้นฟูถืออยู่ประมาณ 6,184 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 55.31% เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการชำระบัญชีเพื่อปิดกองทุนในปี 2556 นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะหารือกัน
“เรื่องที่กองทุนฟื้นฟูจะต้องมีการปิดตัวลงในปี 2556 ทำให้ต้องมีการชำระบัญชีนั้นเราคงตอบไม่ได้ว่าเค้าจะขายหุ้นที่ถือใน KTB ออกไปหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารของกระทรวงคลังและกองทุนฟื้นฟูจะต้องหารือกัน ส่วนตนมีหน้าที่แค่บริหารธนาคารเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องขายหุ้น” นายอภิศักดิ์ กล่าว
ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่าการที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการโอนเงินข้ามเขตผ่านตู้เอทีเอ็ม และอาจจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอื่นๆ ตามมาในอนาคตนั้นมองว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้โดยรวมของแต่ละธนาคารแน่นอน แต่อาจจะส่งผลกระทบไม่มากอย่างที่กังวลเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร พาณิชย์ไม่ได้มาจากบริการตู้เอทีเอ็มแต่เพียงอย่างเดียว แต่หลักๆ แล้วรายได้ค่าธรรมเนียมจะมาจากการปล่อยสินเชื่อ หรือธุรกรรมประเภทอื่นๆ
ทั้งนี้ KTB ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 23.00 บาท เนื่องจากจากคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2554 จะยังเติบโตได้จากปีก่อนประมาณ 12% หรือมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าตัวเลขสินเชื่อรวมของ KTB ในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 9% รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นช่วงขาขึ้น
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น KTB เมื่อวันนี้ (3 ก.พ.) ปิดที่ระดับ 16.00 บาท ลดลง 0.10 บาท เปลี่ยนแปลง 0.62% มูลค่าการซื้อขายรวม 352.27 ล้านบาท