“ภัทรียา” แจงหุ้นพุ่งสวนม็อบ “กรณ์” ไขข้อกังขาใช้งบฯ ดันดัชนี

“ภัทรียา” ตอบคำถามเสื้อแดง ยันตลาดหุ้นไทยดีดขึ้นแรง เพราะปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ปัจจัยภายนอกเอื้ออำนวย เงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย โบรกต่างชาติเพิ่มเครดิตตลาดหุ้นไทย มองการชุมนุมไม่รุนแรงเป็นบวก “กรณ์” โต้ข้อกล่าวหาใช้งบประมาณซื้อหุ้นเพื่อดันดัชนี คงไม่มีใครสามารถทำได้โดยง่าย เพราะการใช้เงินงบประมาณ ต้องบรรจุใน พ.ร.บ.งบประมาณ และผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ขอให้ ตลท.ตรวจสอบความผิดปกติของตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุม โดยยืนยันว่า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งปัจจัยทั้งภายนอกที่เอื้ออำนวย ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยที่แข็งแรงสนับสนุน

สำหรับปัจจัยภายนอก คือ สภาพคล่องในตลาดทุนโลกที่ยังมีอยู่สูง รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ทำให้ผู้ลงทุนโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วต้องการหาแหล่งลงทุนใหม่ในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังประกอบกับการที่ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศในแถบยุโรปที่ยังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เปราะบางและปัญหาการชำระหนี้สาธารณะของภาครัฐ ทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทยต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ส่วนปัจจัยภายในที่เป็นปัจจัยบวก คือ พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและของตลาดหุ้นไทยที่ยังคงมีความแข็งแรง สะท้อนจากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจทั้งในระดับภาพรวมและระดับภาคธุรกิจที่ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 4 ปี 2552 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยขยายตัวถึง 5.8% เทียบกับไตรมาส 4 ปี 2551 ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2552 ปรับสูงขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับปี 2551

นอกจากนี้ อัตราเงินปันผลตอบแทน (Market Dividend Yield) จากการลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ณ วันที่ 16 มีนาคม 2553 อยู่ที่ 3.51% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค อีกทั้งยังมีมุมมองที่ดีขึ้นของนักวิเคราะห์ เช่น ฝ่ายวิจัยของ Morgan Stanley ได้แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย (จาก equal-weight มาเป็น overweight) เนื่องจากกราคาหุ้นไทยยังถูก โดยดูจาก Forward P/E (อัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันต่อกำไรคาดการณ์ต่อหุ้น) ที่ระดับ 11.4 เท่า (ณ วันที่ 16 มีนาคม 53) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเหตุการณ์ชุมนุม โดยนับจนถึงวันที่ 17 มีนาคม 2553 มีมูลค่าซื้อสุทธิรวม 32,006 ล้านบาท และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าว

“แม้เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านสถานการณ์ทางการเมือง แต่นักลงทุนต่างชาติได้รับทราบสถานการณ์การเมืองของไทยมาโดยตลอด และอาจมีการประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ จึงยังคงมีความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย” นางภัทรียา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ มีการปรับตัวตามปัจจัยต่างๆ ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ลงทุนควรต้องมีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ต่างๆ สำหรับการตัดสินใจลงทุน

สำหรับมาตรการเพิ่มการดูแลความปลอดภัยของอาคาร ตลท.นั้น ตลท.ได้ประสานงานกับสถานีตำรวจลุมพินี ที่พร้อมจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของอาคาร และพร้อมจะปฏิบัติงานได้ทันที โดยมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และระบบงานสำคัญ

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อ ตั้งข้อสงสัยดัชนีหุ้นปรับขึ้นเพราะรัฐบาลใช้ภาษีประชาชนซื้อหุ้น เพื่อผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้น โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายใช้เงินงบประมาณเข้าไปซื้อหุ้น เพราะการใช้เงินงบประมาณต้องบรรจุใน พ.ร.บ.งบประมาณ และผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ใช้เครื่องมือหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด ดังนั้น การใช้เงินภาษีของประชาชนไปแทรกแซงตลาดหุ้นคงไม่สามารถทำได้

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศคลายความวิตกกังวล หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันจะชุมนุมโดยสันติ จึงไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ทำให้นักลงทุนสบายใจและกล้าเข้ามาลงทุน ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นต่อเนื่องตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ ฟื้นตัว บวกกับการดำเนินนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นจนตลาดหุ้นสะท้อนภาพที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม ถือว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงมีจุดยืนและมีวินัยที่สามารถควบคุมคน นับแสนคนให้สามารถชุมนุมและเคลื่อนไหวได้อย่างสันติ โดยไม่เกิดเหตุรุนแรง จึงขอขอบคุณกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวลักษณะดังกล่าว แต่การเคลื่อนไหวเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองให้ประชาชนรับทราบแนวทางของตนเองต่อระบบประชาธิปไตย และข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ หากชุมนุมยืดเยื้อจะทำให้เกิดผลกระทบและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ และทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวต่อการท่องเที่ยว

รมว.คลัง กล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ตนเองจะเดินทางไปร่วมประชุมประจำปีที่ประเทศฮ่องกงร่วมกับนักธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อชี้แจงปัญหาการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลให้นักลงทุนเข้าใจมาก ขึ้น เหมือนการไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจ ไทยมากขึ้น