บิ๊กศุภาลัยฯ เชื่อเข้าสู่ไตรมาส 2 ตลาดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์พักความร้อนแรง! เหตุซัปพลายถูกดูดก่อนหมดมาตรการภาษี ยันตลาดคอนโดฯยังไม่พบสัญญาณโอเวอร์ซัปพลาย แม้หลายค่ายผุดคอนโดฯใหม่จำนวนมาก
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงตลาดรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า หลังจากไตรมาสแรกของปี ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบจะพักตัวช่วงหนึ่ง เนื่องจากช่วงต้นไตรมาส 2 จะมีวันหยุดยาวหลายวัน และถือเป็นช่วงปกติของทุกๆปี ที่ภาพรวมของยอดขายในตลาดจะลดต่ำกว่าช่วงปกติก
นอกจากนี้ ที่อยู่อาศัย(ซัปพลาย)ในตลาด ยังถูกระบายออกไปจำนวนมากตั้งแต่ช่วงปลายปี52 ต่อเนื่องมาในไตรมาสแรก จากการเร่งซื้อและโอนให้ทันได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 26 มี.ค.นี้
“ ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์พร้อมโอนหรือก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน2 สัปดาห์นี้ จะเร่งทำตลาดกันอย่างหนัก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านการเมืองที่จะเข้ามากระทบและส่งผลให้เกิดการพักตัวของตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ยาวมากขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามากระทบตลาดหรือใหม่ ในช่วงต้นไตรมาส2ตลาดก็พักตัวลงระยะหนึ่งอยู่แล้ว ”
***ยันคนซื้อคอนโดฯไม่หวังผลมาตรการฯ
สำหรับ ตลาดคอนโดมิเนียมนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดมารการด้านภาษี เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้หวังผลจากมาตรการ เพราะทราบดีว่าคอนโดฯต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานอย่างน้อยกว่า 18 เดือน ดั้งนั้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ซื้อคอนโดฯในช่วงที่ผ่านมาและในช่วงนี้ จึงไม่ให้ความสำคัญกับมาตรการภาษีอสังหาฯ ดังนั้น การสิ้นสุดมาตรการในเดือนมี.ค.นี้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดฯเหมือนเช่นที่อยู่อาศัยแนวราบ
"ตนเชื่อว่า โอกาสที่จะเกิดสินค้าล้นตลาดในส่วนของคอนโดฯนั้น จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากซัปพลายในตลาดมีจำนวนน้อย ในแต่ละปีอัตราการระบายออกของคอนโดฯจะอยู่ที่ 70,000 ยูนิต ในขณะที่จำนวนการเกิดใหม่ของคอนโดฯจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 ยูนิต เช่นกัน ”นายอธิปกล่าว พร้อมแจงว่าในปีที่ผ่านมา ในช่วง 2 ไตรมาสแรกมีจำนวนคอนโดเกิดใหม่ในตลาดน้อยมาก แม้ในช่วงปลายปีจะมีจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก แต่เมื่อสำรวจจำนวนการเกิดใหม่ของโครงการคอนโดฯในตลาดแล้ว พบว่า มีจำนวนซัปพลายใหม่เข้ามาเพียง 40,000 ยูนิต สะท้อนให้เห็นว่า อัตราการระบายออกคอนโดฯในตลาดรวม ยังมากกว่าจำนวนสินค้าใหม่ที่ไหลเพิ่มเข้ามา"
นายอธิปกล่าวว่า สำหรับปัจจัยหลักที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในปีนี้ นอกจากปัจจัยการเมืองแล้ว ปัจจัยที่น่าห่วง คือ การปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากได้รับผลจากการขึ้นราคาราน้ำมัน เหล็ก และความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างจาก โครงการไทยเข้มแข็ง ทั้งการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและถนนต่างๆหลายโครงการ รวมถึงการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน 2 สาย ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้ดำเนินการในปีที่ผ่านมา
“ ในปีนี้คาดว่า ราคาวัสดุก่อสร้างจะกดดันให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ทั้งในตลาดแนวราบและแนวสูง ”
***คอนโดฯไฮเอนด์อาจถูกการเมืองกระทบ
โดยในตลาดคอนโดฯระดับกลาง-ล่าง ในแนวรถไฟฟ้านั้น ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจาก ผู้บริโภคต้องการที่อยู่อาศัยที่มีระบบคมนาคมสามารถเดินทางเข้าสู่แหล่งงานสะดวกรวดเร็ว ส่วนโครงการคอนโดฯไฮเอนด์นั้น คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งยังกังวลกับปัจจัยด้านการเมือง ปัญหามาบตาพุด ที่กระทบกับความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ
นายอธิป กล่าวถึง ทำเลการพัฒนาโครงการคอนโดฯในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเป็นทำเลการพัฒนาโครงการคอนโดฯนั้น ปัจจุบันรัศมีที่สามารถจะพัฒนาอาคารชุดได้ มีเพียงโซนรัตนาธิเบศร์ต่อเนื่องไปถึงสะพานพระนั่งเกล้า ส่วนพื้นที่ที่เลยจากนี้ไป แม้จะสร้างคอนโดฯได้แต่อาจจะมียอดขายที่ไม่มาก เนื่องจากยังมีโครงการทาวน์เฮาส์รอการขายอยู่จำนวนมาก
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงตลาดรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า หลังจากไตรมาสแรกของปี ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบจะพักตัวช่วงหนึ่ง เนื่องจากช่วงต้นไตรมาส 2 จะมีวันหยุดยาวหลายวัน และถือเป็นช่วงปกติของทุกๆปี ที่ภาพรวมของยอดขายในตลาดจะลดต่ำกว่าช่วงปกติก
นอกจากนี้ ที่อยู่อาศัย(ซัปพลาย)ในตลาด ยังถูกระบายออกไปจำนวนมากตั้งแต่ช่วงปลายปี52 ต่อเนื่องมาในไตรมาสแรก จากการเร่งซื้อและโอนให้ทันได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 26 มี.ค.นี้
“ ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์พร้อมโอนหรือก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน2 สัปดาห์นี้ จะเร่งทำตลาดกันอย่างหนัก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านการเมืองที่จะเข้ามากระทบและส่งผลให้เกิดการพักตัวของตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ยาวมากขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามากระทบตลาดหรือใหม่ ในช่วงต้นไตรมาส2ตลาดก็พักตัวลงระยะหนึ่งอยู่แล้ว ”
***ยันคนซื้อคอนโดฯไม่หวังผลมาตรการฯ
สำหรับ ตลาดคอนโดมิเนียมนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดมารการด้านภาษี เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้หวังผลจากมาตรการ เพราะทราบดีว่าคอนโดฯต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานอย่างน้อยกว่า 18 เดือน ดั้งนั้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ซื้อคอนโดฯในช่วงที่ผ่านมาและในช่วงนี้ จึงไม่ให้ความสำคัญกับมาตรการภาษีอสังหาฯ ดังนั้น การสิ้นสุดมาตรการในเดือนมี.ค.นี้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดฯเหมือนเช่นที่อยู่อาศัยแนวราบ
"ตนเชื่อว่า โอกาสที่จะเกิดสินค้าล้นตลาดในส่วนของคอนโดฯนั้น จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากซัปพลายในตลาดมีจำนวนน้อย ในแต่ละปีอัตราการระบายออกของคอนโดฯจะอยู่ที่ 70,000 ยูนิต ในขณะที่จำนวนการเกิดใหม่ของคอนโดฯจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 ยูนิต เช่นกัน ”นายอธิปกล่าว พร้อมแจงว่าในปีที่ผ่านมา ในช่วง 2 ไตรมาสแรกมีจำนวนคอนโดเกิดใหม่ในตลาดน้อยมาก แม้ในช่วงปลายปีจะมีจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก แต่เมื่อสำรวจจำนวนการเกิดใหม่ของโครงการคอนโดฯในตลาดแล้ว พบว่า มีจำนวนซัปพลายใหม่เข้ามาเพียง 40,000 ยูนิต สะท้อนให้เห็นว่า อัตราการระบายออกคอนโดฯในตลาดรวม ยังมากกว่าจำนวนสินค้าใหม่ที่ไหลเพิ่มเข้ามา"
นายอธิปกล่าวว่า สำหรับปัจจัยหลักที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในปีนี้ นอกจากปัจจัยการเมืองแล้ว ปัจจัยที่น่าห่วง คือ การปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากได้รับผลจากการขึ้นราคาราน้ำมัน เหล็ก และความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างจาก โครงการไทยเข้มแข็ง ทั้งการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและถนนต่างๆหลายโครงการ รวมถึงการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน 2 สาย ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้ดำเนินการในปีที่ผ่านมา
“ ในปีนี้คาดว่า ราคาวัสดุก่อสร้างจะกดดันให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ทั้งในตลาดแนวราบและแนวสูง ”
***คอนโดฯไฮเอนด์อาจถูกการเมืองกระทบ
โดยในตลาดคอนโดฯระดับกลาง-ล่าง ในแนวรถไฟฟ้านั้น ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจาก ผู้บริโภคต้องการที่อยู่อาศัยที่มีระบบคมนาคมสามารถเดินทางเข้าสู่แหล่งงานสะดวกรวดเร็ว ส่วนโครงการคอนโดฯไฮเอนด์นั้น คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งยังกังวลกับปัจจัยด้านการเมือง ปัญหามาบตาพุด ที่กระทบกับความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ
นายอธิป กล่าวถึง ทำเลการพัฒนาโครงการคอนโดฯในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเป็นทำเลการพัฒนาโครงการคอนโดฯนั้น ปัจจุบันรัศมีที่สามารถจะพัฒนาอาคารชุดได้ มีเพียงโซนรัตนาธิเบศร์ต่อเนื่องไปถึงสะพานพระนั่งเกล้า ส่วนพื้นที่ที่เลยจากนี้ไป แม้จะสร้างคอนโดฯได้แต่อาจจะมียอดขายที่ไม่มาก เนื่องจากยังมีโครงการทาวน์เฮาส์รอการขายอยู่จำนวนมาก