“วิริยะ” ยันยังไม่ขายทิ้งหุ้น “ฟินันซ่า” หลังประสบปัญหาเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่ กม.กำหนด ระบุ แม้แผนหาพันธมิตรล่ม แต่ไม่กระทบเงินกองทุน มียอดลงทุนแค่หลักสิบ ปลื้มปี 52 เบี้ยประกันภัยรับรวมเกือบ 1.75 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 8.16% โดยเฉพาะเบี้ยประกันภัยรับประเภทนอนมอเตอร์โตถึง 38%
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด ประสบปัญหาเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้ถือหุ้น ว่า ขณะนี้ทางวิริยะยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นในส่วนของฟินันซ่าออกไป เพราะมีการลงทุนมาหลายปีแล้ว และเชื่อว่า จะสร้างความมั่นคงได้ แต่จะรอพิจารณาศักยภาพพันธมิตรรายใหม่ที่จะเข้ามาว่ามีแนวทางในการแก้ไขปัญหา รวมถึงแผนธุรกิจในอนาคตอย่างไร
“หากสุดท้ายแล้วไม่มีพันธมิตรรายใหม่เข้ามา ก็จะนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์ถึงแผนการลงทุนอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่กระทบต่อการลงทุนภาพรวมของบริษัท เนื่องจากวิริยะมีการลงทุนในฟินันซ่าในหลักสิบล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับเงินลงทุนรวมของบริษัทที่มีอยู่ 1.2 หมื่นล้านบาท” นายกฤตวิทย์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (Ibank) จะเข้ามาเป็นพันธมิตรรายใหม่นั้นก็ต้องดูเงื่อนไขก่อน เพราะการลงทุนในธนาคารดังกล่าวอาจมีข้อจำกัดทางด้านศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องรอดูความชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 53-55 โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% 7% และ 8% ตามลำดับ ในส่วนของเงินกองทุนก็ที่มีความแข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้คาดว่าปีนี้จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า 4% เทียบกับปีก่อนที่ได้ 3% เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเพราะต้องคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก
ขณะที่ นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ราบรื่นนัก แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 52 ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จที่ดี โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันภัยโดยรวม 17,478.71 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8.16% เมื่อเทียบกับปี 51 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากการประกันภัยรถยนต์ 16,281.35 ล้านบาท หรือขยายตัว 6.45% จากปีก่อนที่ขยายตัว 2.02% ซึ่งแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับภาคสมัครใจ 13,739.60 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะมีรถใหม่มาต่ออายุเพิ่มขึ้นเพิ่มอีกตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น คาดว่า อยู่ที่ 3.5% และเบี้ยประกันภัยรับภาคบังคับ 2,541.74 ล้านบาท
ส่วนเบี้ยประกันภัยรับประเภทนอนมอเตอร์มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,197.36 ล้านบาท หรือเติบโตสูงถึง 38% แบ่งเป็นประกันอัคคีภัย 231.56 ล้านบาท ประกันภัยการทางทะลและขนส่ง 84.55 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 881.25 ล้านบาท
“ผลประกอบการที่ดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และไม่ต่ำกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม เนื่องจากการบริหารงานของวิริยะที่ให้ความสำคัญ 4 ด้านหลัก คือ ตัวแทนและนายหน้าที่ปัจจุบันมีกว่า 6,000 ราย พนักงานสาขาของบริษัท พนักงานศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนที่มี 108 แห่ง และศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะที่มีกระจายทั่วประเทศ 430 แห่ง ทำให้วิริยะยังเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องถึง 17ปี จาก 63 ปีที่ให้บริการ”
ในปีนี้บริษัทจะเน้นพัฒนาคุณภาพตัวแทนให้ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างตัวแทนสำหรับการประกันรายย่อยให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด ออก “กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์” ซึ่งจะคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ทั้งการรักษาในคลินิกส่วนตัว และโรงพยาบาลด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 12,000 บาทต่อปีคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาทต่อครั้ง ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัล “บริษัทประกันภัยยอดเยี่ยมแห่งปี 2009” จากนิตยสาร World Finance ประเทศอังกฤษ ถือเป็นรายเดียวของประเทศ โดยรางวัลนี้พิจารณาจากความซื่อตรง และจริงใจในการให้บริการแก่ลูกค้า อัตราการเติบโตของบริษัท การดูแลและพัฒนาบุคลากร รวมถึงการตอบแทนกลับสู่สังคม
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด ประสบปัญหาเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้ถือหุ้น ว่า ขณะนี้ทางวิริยะยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นในส่วนของฟินันซ่าออกไป เพราะมีการลงทุนมาหลายปีแล้ว และเชื่อว่า จะสร้างความมั่นคงได้ แต่จะรอพิจารณาศักยภาพพันธมิตรรายใหม่ที่จะเข้ามาว่ามีแนวทางในการแก้ไขปัญหา รวมถึงแผนธุรกิจในอนาคตอย่างไร
“หากสุดท้ายแล้วไม่มีพันธมิตรรายใหม่เข้ามา ก็จะนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์ถึงแผนการลงทุนอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่กระทบต่อการลงทุนภาพรวมของบริษัท เนื่องจากวิริยะมีการลงทุนในฟินันซ่าในหลักสิบล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับเงินลงทุนรวมของบริษัทที่มีอยู่ 1.2 หมื่นล้านบาท” นายกฤตวิทย์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (Ibank) จะเข้ามาเป็นพันธมิตรรายใหม่นั้นก็ต้องดูเงื่อนไขก่อน เพราะการลงทุนในธนาคารดังกล่าวอาจมีข้อจำกัดทางด้านศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องรอดูความชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 53-55 โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% 7% และ 8% ตามลำดับ ในส่วนของเงินกองทุนก็ที่มีความแข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้คาดว่าปีนี้จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า 4% เทียบกับปีก่อนที่ได้ 3% เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเพราะต้องคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก
ขณะที่ นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ราบรื่นนัก แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 52 ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จที่ดี โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันภัยโดยรวม 17,478.71 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8.16% เมื่อเทียบกับปี 51 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากการประกันภัยรถยนต์ 16,281.35 ล้านบาท หรือขยายตัว 6.45% จากปีก่อนที่ขยายตัว 2.02% ซึ่งแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับภาคสมัครใจ 13,739.60 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะมีรถใหม่มาต่ออายุเพิ่มขึ้นเพิ่มอีกตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น คาดว่า อยู่ที่ 3.5% และเบี้ยประกันภัยรับภาคบังคับ 2,541.74 ล้านบาท
ส่วนเบี้ยประกันภัยรับประเภทนอนมอเตอร์มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,197.36 ล้านบาท หรือเติบโตสูงถึง 38% แบ่งเป็นประกันอัคคีภัย 231.56 ล้านบาท ประกันภัยการทางทะลและขนส่ง 84.55 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 881.25 ล้านบาท
“ผลประกอบการที่ดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และไม่ต่ำกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม เนื่องจากการบริหารงานของวิริยะที่ให้ความสำคัญ 4 ด้านหลัก คือ ตัวแทนและนายหน้าที่ปัจจุบันมีกว่า 6,000 ราย พนักงานสาขาของบริษัท พนักงานศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนที่มี 108 แห่ง และศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะที่มีกระจายทั่วประเทศ 430 แห่ง ทำให้วิริยะยังเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องถึง 17ปี จาก 63 ปีที่ให้บริการ”
ในปีนี้บริษัทจะเน้นพัฒนาคุณภาพตัวแทนให้ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างตัวแทนสำหรับการประกันรายย่อยให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด ออก “กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์” ซึ่งจะคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ทั้งการรักษาในคลินิกส่วนตัว และโรงพยาบาลด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 12,000 บาทต่อปีคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาทต่อครั้ง ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัล “บริษัทประกันภัยยอดเยี่ยมแห่งปี 2009” จากนิตยสาร World Finance ประเทศอังกฤษ ถือเป็นรายเดียวของประเทศ โดยรางวัลนี้พิจารณาจากความซื่อตรง และจริงใจในการให้บริการแก่ลูกค้า อัตราการเติบโตของบริษัท การดูแลและพัฒนาบุคลากร รวมถึงการตอบแทนกลับสู่สังคม