วิริยะประกันภัยควักกระเป๋าเพิ่มทุน 600 ล้านบาทหลังเจอพิษวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เจ๊งหุ้นเงินกองทุนวูบ ยังอึดโชว์ผลงานไตรมาส 3 เบี้ยรับรวมทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท ยันปีหน้าแม้การขายตัวของเศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่ธุรกิจประกันจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องสวนทางวิกฤต
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของโลกและทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยลดลงจาก 700 กว่าจุดเหลือเพียง 400 กว่าจุดเท่านั้น ซึ่งบริษัทวิริยะเองก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เช่นกันแต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทมากนัก
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องโดยในระยะแรกจะชำระเงินทันที 300 ล้านบาทและจะเพิ่มให้ครบอีก 300 ล้านบาทเมื่อจำเป็น โดยบริษัทยอมรับว่าพอร์ตการลงทุนทั้งหมดกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น มีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท แต่เมื่อมีความผันผวนเกิดขึ้นทำให้ ณ ปัจจุบันบริษัทขาดทุนทางบัญชีและราคาหุ้นจนทำให้มูลค่าหุ้นในพอร์ตที่วิริยะถืออยู่ลดลงเหลือเพียง 2 พันล้านกว่าบาทเท่านั้น
“ตอนนี้เรายอมรับว่ามีการขาดทุนจากราคาหุ้นที่ปรับลดลงมากในขณะนี้ ซึ่งหากเราตัดขายออกไปก็จะบันทึกลงในบัญชีได้เลยว่าเกิดการขาดทุน แต่เราคิดว่าตลาดหุ้นไทยมีขึ้นก็มีลงได้เป็นเรื่องปกติและหุ้นบลูชิพในกลุ่มพลังงานส่วนใหญ่ที่เราถือก็มีการจ่ายปันผลที่ดีจึงยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นในขณะนี้”
***โชว์เบี้ย Q3 พุ่งพรวด 1.2 หมื่นล้าน
นายบุญเลิศ กุศลเพิ่มพูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินไตรมาสที่ 3 ปี 2551 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันภัยโดยตรงรวม 12,070.25 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8.14% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากการประกันภัยรถยนต์ (Motor) 11,377.32 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับภาคสมัครใจ 9,524.61 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับภาคบังคับ 1,852.71 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับประเภทนอน-มอเตอร์ (Non-Motor) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 692.93 ล้านบาท โดยแยกเป็นประกันอัคคีภัย 151.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 59.56 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 481.65 ล้านบาท
ในช่วง 3 เดือนที่เหลือบริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวแทนฝึกหัดสู่ตัวแทนมืออาชีพ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการแข่งขันสูงทำให้เกิดช่องทางการตลาดใหม่ๆ อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านช่องทางธนาคาร หรือแม้แต่การขายผ่านออนไลน์ อย่างไรก็ตามช่องทางการขายผ่านตัวแทนยังถือเป็นช่องทางตลาดหลักที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของตัวแทนให้มีคุณภาพเพื่อก้าวไปสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการประกันวินาศภัยให้กับลูกค้าต่อไป ดังนั้นจึงได้จัดให้มีการฝึกอบรมให้กับตัวแทนของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนทั่วประเทศรวม 5,932 ราย
***ยอดนำเข้าสินค้าดันเบี้ยนอนมอเตอร์
นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดความผันผวนทางการเงินโลกอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทที่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย ซึ่งในด้านประกันนอนมอเตอร์นั้น มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 692.93 ล้านบาท โดยแยกเป็นประกันอัคคีภัย 151.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 59.56 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 481.65 ล้านบาท โดยเฉพาะการประกันภัยทางทะเลและขนส่งในปีนี้ มีการขยายการเติบโตจากส่วนการประกันภัยทางทะเลที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าส่วนที่เป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และการเติบโตในส่วนการขนส่งโดยรถบรรทุกที่บริษัทฯ ได้มีการรับประกันภัยภายใต้การประกันภัยรถยนต์ของบริษัทอยู่แล้ว
นายกฤตวิทย์กล่าวต่อว่า ในปีหน้าแม้ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวตามที่หลายฝ่ายออกมาให้ข้อมูลว่าจีดีพีอาจไม่ถึง 4% นั้น การทำธุรกิจทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยส่วนใหญ่อัตราการเติบโตจะสวนทางกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการทำประกันมากขึ้นจึงมีความมั่นใจว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของโลกและทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยลดลงจาก 700 กว่าจุดเหลือเพียง 400 กว่าจุดเท่านั้น ซึ่งบริษัทวิริยะเองก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เช่นกันแต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทมากนัก
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องโดยในระยะแรกจะชำระเงินทันที 300 ล้านบาทและจะเพิ่มให้ครบอีก 300 ล้านบาทเมื่อจำเป็น โดยบริษัทยอมรับว่าพอร์ตการลงทุนทั้งหมดกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น มีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท แต่เมื่อมีความผันผวนเกิดขึ้นทำให้ ณ ปัจจุบันบริษัทขาดทุนทางบัญชีและราคาหุ้นจนทำให้มูลค่าหุ้นในพอร์ตที่วิริยะถืออยู่ลดลงเหลือเพียง 2 พันล้านกว่าบาทเท่านั้น
“ตอนนี้เรายอมรับว่ามีการขาดทุนจากราคาหุ้นที่ปรับลดลงมากในขณะนี้ ซึ่งหากเราตัดขายออกไปก็จะบันทึกลงในบัญชีได้เลยว่าเกิดการขาดทุน แต่เราคิดว่าตลาดหุ้นไทยมีขึ้นก็มีลงได้เป็นเรื่องปกติและหุ้นบลูชิพในกลุ่มพลังงานส่วนใหญ่ที่เราถือก็มีการจ่ายปันผลที่ดีจึงยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นในขณะนี้”
***โชว์เบี้ย Q3 พุ่งพรวด 1.2 หมื่นล้าน
นายบุญเลิศ กุศลเพิ่มพูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินไตรมาสที่ 3 ปี 2551 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันภัยโดยตรงรวม 12,070.25 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8.14% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากการประกันภัยรถยนต์ (Motor) 11,377.32 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับภาคสมัครใจ 9,524.61 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับภาคบังคับ 1,852.71 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับประเภทนอน-มอเตอร์ (Non-Motor) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 692.93 ล้านบาท โดยแยกเป็นประกันอัคคีภัย 151.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 59.56 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 481.65 ล้านบาท
ในช่วง 3 เดือนที่เหลือบริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวแทนฝึกหัดสู่ตัวแทนมืออาชีพ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการแข่งขันสูงทำให้เกิดช่องทางการตลาดใหม่ๆ อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านช่องทางธนาคาร หรือแม้แต่การขายผ่านออนไลน์ อย่างไรก็ตามช่องทางการขายผ่านตัวแทนยังถือเป็นช่องทางตลาดหลักที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของตัวแทนให้มีคุณภาพเพื่อก้าวไปสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการประกันวินาศภัยให้กับลูกค้าต่อไป ดังนั้นจึงได้จัดให้มีการฝึกอบรมให้กับตัวแทนของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนทั่วประเทศรวม 5,932 ราย
***ยอดนำเข้าสินค้าดันเบี้ยนอนมอเตอร์
นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดความผันผวนทางการเงินโลกอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทที่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย ซึ่งในด้านประกันนอนมอเตอร์นั้น มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 692.93 ล้านบาท โดยแยกเป็นประกันอัคคีภัย 151.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 59.56 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 481.65 ล้านบาท โดยเฉพาะการประกันภัยทางทะเลและขนส่งในปีนี้ มีการขยายการเติบโตจากส่วนการประกันภัยทางทะเลที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าส่วนที่เป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และการเติบโตในส่วนการขนส่งโดยรถบรรทุกที่บริษัทฯ ได้มีการรับประกันภัยภายใต้การประกันภัยรถยนต์ของบริษัทอยู่แล้ว
นายกฤตวิทย์กล่าวต่อว่า ในปีหน้าแม้ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวตามที่หลายฝ่ายออกมาให้ข้อมูลว่าจีดีพีอาจไม่ถึง 4% นั้น การทำธุรกิจทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยส่วนใหญ่อัตราการเติบโตจะสวนทางกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการทำประกันมากขึ้นจึงมีความมั่นใจว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
