กานดาฯเผยแผนปี53ชูกลยุทธ์ Three Generation พร้อมส่งแบบบ้านเดี่ยว-ทาวน์เอาส์ 4ห้องนอน เจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ล่าสุดเตรียมเปิดตัวบ้านตัวอย่าง "บ้านเปลือย" หวังให้ความรู้ แจกแจงรายละเอียดบ้านให้ลูกค้าทราบก่อนตัดสินใจซื้อ พร้อมแจงเผนลงทุนปีนี้เปิดตัวโครงการใหม่4โครวการเฟสต่อเนื่อง4โครงการมูลค่าลงทุนรวม 2,300ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้1,000 ล้านบาทโตจากปี52กว่า 20%
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงเน้นกลยุทธ์ Three Generation เป็น ซึ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ผสมผสาน หรือมีครอบครัวขนาดกลาง อยู่อาศัยร่วมของคนทั้ง3วัย คือพ่อ แม่ ลูกและผู้สูงอายุ โดยยังคงเน้นจับที่อยู่อาศัยในตลาดระดับกลาง-ล่าง ราคาขาย1-3ล้านบาทเป็นหลัก ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้ถือเป็นตลาดที่มีสั่วนแบ่งใหญ่ที่สุดถึง70% ของตลาดรวม
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่อยู่อาศัยแบบครอบครัวหรือ Three Generation ด้วยโดยล่าสุดกานดาฯได้ออกแบบบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ใหม่ ให้ความสำคัญกับการแบ่งพื้นที่ใช้สอย ซึ่งเพิ่มเติมในส่วนของห้องนอนของบ้านรูปแบบใหม่ให้มีห้องนอน 4ห้องนอน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก
“ในการศึกษาข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าหลักพบว่ากว่า72% ของผู้ซือ้ที่อยู่อาศัยใหม่จะมีการต่อเติมบ้านและเพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอยให้มีขนาดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะห้องนอน สำหรับผู้สูงอายุทำให้ลูกค้าโดยมากที่ซื้อบ้านใหม่มีการต่อเติมห้องนอนเพื่อผู้สูงอายุในชั้นล่างเพื่อใช้เป็นห้องพักอาศัยของผู้สูงอายุในบ้าน ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นควาสำคัญในการเพิ่มเติมพื้นที่ห้องนอนในบ้านเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าให้ตรงโจทย์มากที่สุด ดดยได้ออกบ้านแบบบ้านใหม่ให้มีห้องนอน4ห้องนอน”
นอกจากนี้ กานดาฯยังอยู่ระหว่างการจัดทำแบบบ้านตัวอย่าง “แบบบบ้านเปลือย” เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมและเพื่อให้ความรู้แลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านว่าในการซื้อบ้านแต่ลพะหลังนั้นลูกค้าจะได้รับอะไรบ้าง โดยแบบบ้านเปลือยนี้จะโชว์โครงสร้างของบ้านและแผนผังของระบบประปา แผงไฟฟ้าระบบสายไฟภายในบ้าน และวัสดุก่อสร้างต่างๆ ให้ลูกค้าได้เห็นโครงการสร้างของบ้านทั้งหมด ซึ่งแบบบ้านเปลือยที่เป็นบ้านตัวอย่างที่จัดแสดงไว้ให้ลูกค้าชมในแต่ละไซด์ก่อสร้างภายในโครงการนี้ นั้นเป็นการนำแบบบ้านแบบเปลือยมาให้ลูกค้าชมและเลือกในโครงการบ้านจัดสรรเป็นครั้งแรก
“สำหรับแบบบ้านเปลือยและแบบบ้าน4ห้องนอนนี้ กานดาฯได้จัดทำไว้ทั้งในบ้านเดี่ยวราคา3ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์เฮาสราคา1.2ล้านบาทซึ่งเป้นบ้านบีโอไอด้วย”
นายอิสระ กล่าวว่าด้านแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ กานดาฯจะเปิดตัวโครงการใหม่และขยายเฟสต่อเนื่องอีกรวม 8 โครงการ รวมมุลค่าลงทุนรวมประมาณ 2,358ล้านบาท ประกอบด้วยการขยายเฟสต่อเนื่อง 4 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 33% ของการลงทุนทั้งหมด ประกอบด้วย โครงการสยามเนอเชอรัลโฮม, กานดา พาร์ค, บ้านสวนริมคลอง 3 และเดอะ เฟิร์ส โฮม ส่วนทีเหลือ4โครงการจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ คิดเป็นสัดส่วน 77%
ทั้งนี้ ในโครงการใหม่ที่บริาทจะพัฒนาในปีนี้กว่า 50% จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยตามเกณฑ์การสนับสนุนของบีโอไอ ราคา 1.2 ล้านบาท ประกอบด้วย กานดา พาร์ค ประชาอุทิศ จำนวน 51 ยูนิต ระดับราคา 3.1 ล้านบาทขึ้นไป ตามด้วย เดอะ เฟิร์ส โฮม ประชาอุทิศ 76 จำนวน 218 ยูนิต ระดับราคา 1.2-1.6 ล้านบาท เดอะ เฟิร์ส โฮม ลำลูกกา จำนวน 272 ยูนิต ระดับราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท และเดอะ เฟิร์ส โฮม ประชาอุทิศ 2 จำนวน 500 ยูนิต ระดับราคา 1.2 ล้านบาท
โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในบนทำเลลำลูกกา นับว่าเป็นการลงทุนในทำเลใหม่ จากเดิมที่พัฒนาโครงการในย่าน พระราม2 และโซนประชาอุทิศ ที่กลุ่มกานดาฯ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเลือกลงทุนโครงการใหม่ในทำเลลำลูกกานั้น เนื่องมาจากต้องการขยายไปยังทำเลใหม่ๆ และมองว่าทำเลดังกล่าวมีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยสูง อีกทั้ง ยังอยู่บนทำเลวงแหวนรอบนอกที่สามารถเชื่อมต่อกับทำเลเดิมในโซนพระราม 2 ได้ จึงสะดวกในการขนส่งชิ้นส่วนสำเร็จรูปสำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งผลิตอยู่ในย่านพระราม 2
สำหรับ การปรับรูปแบบบ้านใหม่ให้มีห้องนอนมากขถึง4ห้องนอนนั้น เพื่อเป็นการปรับตัวรับการแข่งขันบนทำเลใหม่ โดยเฉพาะทำเลลำลูกกา ซึ่งมีการแข่งขันสูงเพราะมีผุ้ประกอบการรายใหญ่อยู่ในพื้นที่หลายๆโครงการ ซึ่ง หลังจากนี้ กลุ่มกานดาฯ จะปรับฟังก์ชั่นที่อยู่อาศัยใหม่ให้เป็นแบบ 4 ห้องนอนทั้งหมดในทุกระดับราคา รวมถึง ระดับราคา 1.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านที่เข้าเกณฑ์สนับสนุนของบีโอไอด้วย
นายอิสระ กล่าวว่า ในส่วนของโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือพรีแฟบนั้น ปัจจุบันมีโรงงานชั่วคราว 2 พื้นที่ คือ ย่านพระราม 2 และย่านประชาอุทิศใกล้กับโครงการที่พัฒนาอยู่ แต่หากต้องการขยายการเติบโตและรองรับการขยายไปยังทำเลใหม่ๆ จำเป็นต้องอาศัยวิธีการผสมผสานระหว่างการมีโรงงานชั่วคราวบนพื้นที่โครงการกับโรงงานถาวร เพื่อผลิตชิ้นส่วน ที่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ไปยังพื้นที่โครงการ
โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มทุนให้กับบริษัทลูกที่ดูแลโรงงานพรีแฟบอีกเป็น 50 ล้านบาท เพื่อลงทุนสร้างโรงงาพรีแฟบแบบถาวร บนทำเลย่านพระราม 2 เนื้อที่กว่า 50 ไร่ ด้วยเม็ดเงินลงทุน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดิน 100 ล้านบาท และลงทุนก่อสร้างอีก 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็น 2,000 ยูนิตต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ยูนิตต่อปี โดยการขยายโรงงานแห่งใหม่ครั้งนี้ เบื้องต้นจะยังรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มกานดาฯ เป็นหลัก
สำหรับ ปีที่ผ่านมากานดาฯ มีขายได้ 800 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี51เล็กน้อย โดยสามารถทำรายได้จากบ้านเดี่ยว 35% และทาวน์เฮ้าส์ 65% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตของยอดขาย20% หรือคิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวโครงการใหม่ และเฟสต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ายอดรายได้หลักๆ ในปีนี้จะมาจากทาวน์เฮ้าส์ 80% และบ้านเดี่ยว 20%
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงเน้นกลยุทธ์ Three Generation เป็น ซึ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ผสมผสาน หรือมีครอบครัวขนาดกลาง อยู่อาศัยร่วมของคนทั้ง3วัย คือพ่อ แม่ ลูกและผู้สูงอายุ โดยยังคงเน้นจับที่อยู่อาศัยในตลาดระดับกลาง-ล่าง ราคาขาย1-3ล้านบาทเป็นหลัก ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้ถือเป็นตลาดที่มีสั่วนแบ่งใหญ่ที่สุดถึง70% ของตลาดรวม
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่อยู่อาศัยแบบครอบครัวหรือ Three Generation ด้วยโดยล่าสุดกานดาฯได้ออกแบบบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ใหม่ ให้ความสำคัญกับการแบ่งพื้นที่ใช้สอย ซึ่งเพิ่มเติมในส่วนของห้องนอนของบ้านรูปแบบใหม่ให้มีห้องนอน 4ห้องนอน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก
“ในการศึกษาข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าหลักพบว่ากว่า72% ของผู้ซือ้ที่อยู่อาศัยใหม่จะมีการต่อเติมบ้านและเพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอยให้มีขนาดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะห้องนอน สำหรับผู้สูงอายุทำให้ลูกค้าโดยมากที่ซื้อบ้านใหม่มีการต่อเติมห้องนอนเพื่อผู้สูงอายุในชั้นล่างเพื่อใช้เป็นห้องพักอาศัยของผู้สูงอายุในบ้าน ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นควาสำคัญในการเพิ่มเติมพื้นที่ห้องนอนในบ้านเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าให้ตรงโจทย์มากที่สุด ดดยได้ออกบ้านแบบบ้านใหม่ให้มีห้องนอน4ห้องนอน”
นอกจากนี้ กานดาฯยังอยู่ระหว่างการจัดทำแบบบ้านตัวอย่าง “แบบบบ้านเปลือย” เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมและเพื่อให้ความรู้แลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านว่าในการซื้อบ้านแต่ลพะหลังนั้นลูกค้าจะได้รับอะไรบ้าง โดยแบบบ้านเปลือยนี้จะโชว์โครงสร้างของบ้านและแผนผังของระบบประปา แผงไฟฟ้าระบบสายไฟภายในบ้าน และวัสดุก่อสร้างต่างๆ ให้ลูกค้าได้เห็นโครงการสร้างของบ้านทั้งหมด ซึ่งแบบบ้านเปลือยที่เป็นบ้านตัวอย่างที่จัดแสดงไว้ให้ลูกค้าชมในแต่ละไซด์ก่อสร้างภายในโครงการนี้ นั้นเป็นการนำแบบบ้านแบบเปลือยมาให้ลูกค้าชมและเลือกในโครงการบ้านจัดสรรเป็นครั้งแรก
“สำหรับแบบบ้านเปลือยและแบบบ้าน4ห้องนอนนี้ กานดาฯได้จัดทำไว้ทั้งในบ้านเดี่ยวราคา3ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์เฮาสราคา1.2ล้านบาทซึ่งเป้นบ้านบีโอไอด้วย”
นายอิสระ กล่าวว่าด้านแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ กานดาฯจะเปิดตัวโครงการใหม่และขยายเฟสต่อเนื่องอีกรวม 8 โครงการ รวมมุลค่าลงทุนรวมประมาณ 2,358ล้านบาท ประกอบด้วยการขยายเฟสต่อเนื่อง 4 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 33% ของการลงทุนทั้งหมด ประกอบด้วย โครงการสยามเนอเชอรัลโฮม, กานดา พาร์ค, บ้านสวนริมคลอง 3 และเดอะ เฟิร์ส โฮม ส่วนทีเหลือ4โครงการจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ คิดเป็นสัดส่วน 77%
ทั้งนี้ ในโครงการใหม่ที่บริาทจะพัฒนาในปีนี้กว่า 50% จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยตามเกณฑ์การสนับสนุนของบีโอไอ ราคา 1.2 ล้านบาท ประกอบด้วย กานดา พาร์ค ประชาอุทิศ จำนวน 51 ยูนิต ระดับราคา 3.1 ล้านบาทขึ้นไป ตามด้วย เดอะ เฟิร์ส โฮม ประชาอุทิศ 76 จำนวน 218 ยูนิต ระดับราคา 1.2-1.6 ล้านบาท เดอะ เฟิร์ส โฮม ลำลูกกา จำนวน 272 ยูนิต ระดับราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท และเดอะ เฟิร์ส โฮม ประชาอุทิศ 2 จำนวน 500 ยูนิต ระดับราคา 1.2 ล้านบาท
โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในบนทำเลลำลูกกา นับว่าเป็นการลงทุนในทำเลใหม่ จากเดิมที่พัฒนาโครงการในย่าน พระราม2 และโซนประชาอุทิศ ที่กลุ่มกานดาฯ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเลือกลงทุนโครงการใหม่ในทำเลลำลูกกานั้น เนื่องมาจากต้องการขยายไปยังทำเลใหม่ๆ และมองว่าทำเลดังกล่าวมีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยสูง อีกทั้ง ยังอยู่บนทำเลวงแหวนรอบนอกที่สามารถเชื่อมต่อกับทำเลเดิมในโซนพระราม 2 ได้ จึงสะดวกในการขนส่งชิ้นส่วนสำเร็จรูปสำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งผลิตอยู่ในย่านพระราม 2
สำหรับ การปรับรูปแบบบ้านใหม่ให้มีห้องนอนมากขถึง4ห้องนอนนั้น เพื่อเป็นการปรับตัวรับการแข่งขันบนทำเลใหม่ โดยเฉพาะทำเลลำลูกกา ซึ่งมีการแข่งขันสูงเพราะมีผุ้ประกอบการรายใหญ่อยู่ในพื้นที่หลายๆโครงการ ซึ่ง หลังจากนี้ กลุ่มกานดาฯ จะปรับฟังก์ชั่นที่อยู่อาศัยใหม่ให้เป็นแบบ 4 ห้องนอนทั้งหมดในทุกระดับราคา รวมถึง ระดับราคา 1.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านที่เข้าเกณฑ์สนับสนุนของบีโอไอด้วย
นายอิสระ กล่าวว่า ในส่วนของโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือพรีแฟบนั้น ปัจจุบันมีโรงงานชั่วคราว 2 พื้นที่ คือ ย่านพระราม 2 และย่านประชาอุทิศใกล้กับโครงการที่พัฒนาอยู่ แต่หากต้องการขยายการเติบโตและรองรับการขยายไปยังทำเลใหม่ๆ จำเป็นต้องอาศัยวิธีการผสมผสานระหว่างการมีโรงงานชั่วคราวบนพื้นที่โครงการกับโรงงานถาวร เพื่อผลิตชิ้นส่วน ที่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ไปยังพื้นที่โครงการ
โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มทุนให้กับบริษัทลูกที่ดูแลโรงงานพรีแฟบอีกเป็น 50 ล้านบาท เพื่อลงทุนสร้างโรงงาพรีแฟบแบบถาวร บนทำเลย่านพระราม 2 เนื้อที่กว่า 50 ไร่ ด้วยเม็ดเงินลงทุน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดิน 100 ล้านบาท และลงทุนก่อสร้างอีก 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็น 2,000 ยูนิตต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 ยูนิตต่อปี โดยการขยายโรงงานแห่งใหม่ครั้งนี้ เบื้องต้นจะยังรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มกานดาฯ เป็นหลัก
สำหรับ ปีที่ผ่านมากานดาฯ มีขายได้ 800 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี51เล็กน้อย โดยสามารถทำรายได้จากบ้านเดี่ยว 35% และทาวน์เฮ้าส์ 65% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตของยอดขาย20% หรือคิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวโครงการใหม่ และเฟสต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ายอดรายได้หลักๆ ในปีนี้จะมาจากทาวน์เฮ้าส์ 80% และบ้านเดี่ยว 20%
