xs
xsm
sm
md
lg

“ด่านไพบูลย์”รุกรับสร้างบ้าน ผนึกพีดีเฮ้าส์เปิดแฟรนไชส์เชียงใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือญาติตระกูลด่านไพบูลย์ ผนึกพีดีเฮ้าส์เปิดศูนย์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านเชียงใหม่ รองรับการเติบโตของที่อยู่อาศัย ด้านบอสใหญ่พีดีเฮ้าส์ เล็งปี 54 ขยายเพิ่มอีก 2 สาขา ตั้งเป้า 5 ปี กวาดยอดขายกว่า 400 ล้านบาท
 
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮาส์ เปิดเผยว่า จากแนวคิดที่ต้องการให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคเมื่อ 6 ปีก่อน จึงมีแนวคิดสร้างเครือข่ายแฟรนไชส์ขึ้น กระทั้งในปัจจุบันมีจำนวน 15 สาขา โดยในปีนี้วางแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้ รูปแบบ(โมเดล)ธุรกิจแฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ที่บริษัทฯออกแบบและพัฒนาขึ้นมา เป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับธุรกิจรับสร้างบ้าน จากเดิมที่รับรู้กันในวงจำกัด หรือเป็นตลาดนิชมาร์เก็ตให้เปลี่ยนไปสู่อุสาหกรรมรับสร้างบ้านในอนาคต ภายใต้แนวคิดการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และสร้างพันธมิตรผู้ประกอบการ SME (Alliance) ให้เกิดการรวมพลังและกลายเป็น Economy of Scale หรือ การผลิตสินค้าเป็นจำนวนมากเพื่อประหยัดต้นทุน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มธุรกิจแบบยั่งยืน และที่สำคัญสามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้อย่างไม่เสียเปรียบ เพราะจากนี้ไป ผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น

รวมถึงในปี 2558 เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีผลบังคับใช้ ประเทศไทยจำเป็นต้องเปิดให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน และแข่งขันในธุรกิจก่อสร้างกับผู้ประกอบการคนไทย ดังนั้น บริษัทฯจึงต้องมีการปรับตัวและเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ หรือสามารถรุกขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศได้เช่นกัน

“ปัจจุบันผู้รับเหมาของไทยส่วนใหญ่ ยังไม่รับรู้การเปิดเสรีอาเซียนด้านบริการในปี 58 ซึ่งแน่นอนว่าไทยจะถูกต่างชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์ มาเลเชีย ที่มีศักยภาพด้านการแข่งขันและการตลาด ขณะที่ผู้รับเหมาไทยเก่งในเรื่องการก่อสร้างแต่ไม่เก่งเรื่องการตลาด หากเราไม่รีบปรับตัว เพิ่มศักยภาพเราอาจถูกแย่งส่วนแบ่งจากนักลงทุนต่างชาติก็เป็นได้” นายสิทธิพร กล่าว
               
ล่าสุด พีดี เฮ้าส์ได้ร่วมกับบริษัทเชียงใหม่รับสร้างบ้าน จำกัด เปิดตัวแฟรนไชส์สาขาเชียงใหม่ โดยนายอัครเดช ด่านไพบูลย์ (เครือญาตินายมนตรี ด่านไพบูลย์ อดีตรมว.กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม อดีตส.ส.พรรคความหวังใหม่ ) กรรมการผู้จัดการ บริษัทเชียงใหม่รับสร้างบ้านฯ กล่าวว่า เชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดสำคัญทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ โดยเฉพาะเป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งโบราณสถานทางวัฒนธรรรมสำคัญๆ หากมองภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ และที่อยู่อาศัย นับได้ว่าเชียงใหม่มีการเติบโตเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อวิเคราะห์ถึงความต้องการสร้างบ้านเองของผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ 1) สร้างบ้านหลังแรกเพื่ออยู่อาศัยทั่วๆไป หรือคือกลุ่มผู้บริโภคในท้องถิ่น 2) สร้างบ้านหลังที่สองเพื่อการพักผ่อน หมายถึงกลุ่มผู้บริโภคหรือนักลงทุนมาจากต่างถิ่น ทั้งนี้ ประเมินว่าน่าจะมีสัดส่วนประมาณ 70 : 30 % ทำให้ตลาดบ้านสร้างเองจังหวัดเชียงใหม่ มีโอกาสเติบโตมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นๆ
               
สำหรับสถิติการจดทะเบียนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในภาคเหนือปี 2552 คาดว่ามีประมาณ 21,000 หน่วย โดยจังหวัดเชียงใหม่คาดว่ามีประมาณ 9,000 หน่วยเศษ หรือจดทะเบียนฯ มากเป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือ โดยประเมินว่าเป็นสัดส่วนประเภทบ้านจัดสรรประมาณ 70% และประเภทบ้านสร้างเองประมาณ 30% หรือคิดเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 6,300 หน่วย และบ้านสร้างเองประมาณ 2,700 หน่วย สำหรับปี 2553 นี้ประเมินว่าสถิติจดทะเบียนฯ ในกลุ่มบ้านสร้างเองจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8% หรือประมาณ 2,800-2,900 หน่วย

ทั้งนี้ การเปิดตัวของศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์สาขาเชียงใหม่ครั้งนี้ จะสามารถตอบโจทย์และสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงใจ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าหรือราคาค่าก่อสร้างบ้านโดยเฉลี่ยประมาณ 2-5 ล้านบาท/หลังจะได้รับความนิยมสูงสุด โดยในปี 53 พีดีเฮ้าส์สาขาเชียงใหม่ตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 40 ล้านบาท และคาดว่ายอดขายรวมตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมียอดขายประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยประมาณการว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 30%
               
นายสิทธิพร กล่าวต่อว่า หากผู้บริโภคให้การตอบรับดีหรือในปีนี้ สาขาในจังหวัดภาคเหนือทั้ง 2 สาขาคือ เชียงใหม่ และพิษณุโลก สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ มีความเป็นไปได้ว่าปี 2554 จะขยายเพิ่มเป็น 3 สาขา โดยจังหวัดเป้าหมายได้แก่ จ.เชียงราย ทั้งนี้ โดยข้อตกลงตามสัญญาขยายสาขาในพื้นที่ภาคเหนือ บริษัทฯ จะให้สิทธิ์แฟรนไชส์ซี หรือ เชียงใหม่รับสร้างบ้าน ในฐานะเจ้าของพื้นที่เขตติดต่อเป็นผู้พิจารณาก่อนว่าจะลงทุนเองหรือจะให้สิทธิ์บริษัทฯลงทุน สำหรับยอดขายรวมทั้ง 20 สาขาปีนี้ตั้งเป้าไว้ประมาณ 600 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 400 ล้านบาทเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น