ซีไอเอ็มบีไทยตั้งเป้าปล่อยกู้สินเชื่อรายใหญ่และรายกลางปี 53 ไว้ที่ 6-7% หรือเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้าน จากปี 52 ที่สินเชื่อติดลบ มั่นใจศักยภาพกลุ่มซีไอเอ็มบีช่วยหนุนได้ แม้ศก.-การเมืองจะยังเสี่ยง พร้อมสานต่อปล่อยกู้โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการเฟด5 ให้วงเงิน150 ล้านบาท
นางดวงพร สุจริตานุวัต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบรรษัทธุรกิจ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่และรายกลางไว้ที่ 6-7% หรือ คิดเป็นวงเงินปล่อยใหม่ประมาณ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ผ่านมาที่สินเชื่อดังกล่าวหดตัว โดยฐานสินเชื่อรายใหญ่และรายกลางคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น คาดว่าฐานสินเชื่อคงค้างดังกล่าวในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท
"ธนาคารมั่นใจว่าในปันี้ทั้งปี จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน แม้ว่าปีนี้จะยังมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก และปัญหาทางการเมืองในประเทศเข้ามากระทบบ้างก็ตาม อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยโดยรวมขณะนี้นับว่าดีขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ ธนาคารมีผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่างซีไอเอ็มบีกรุ๊ปเข้ามาช่วยเสริมศักภาพ ซึ่งก็จะยิ่งช่วยให้การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย"นางดวงพร กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อให้เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่และรายกลางเป็นไปตามแผนงานที่ตั้งไว้ ธนาคารจึงได้สานต่อโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในการช่วยผลักดันการปล่อยสินเชื่อ โดยล่าสุดธนาคารได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ของกระทรวงพลังงานในการช่วยส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการ
โดยการปล่อยสินเชื่อโครงการดังกล่าวเข้าสู่ในระยะที่ 5 แล้ว จากที่โครงการระยะที่ 1-4 ธนาคารกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ ได้ปล่อยสินเชื่อสนับสนุนแล้วประมาณ 1.1 พันล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการนี้ผู้ประกอบการจะได้วงเงินสนับสนุนสูงสุดประมาณ 50 ล้านบาทต่อหนึ่งมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ส่วนการคิดอัตราดอกเบี้ยนั้นธนาคารและกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 4% เพราะฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเพราะเป็นอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมีระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 7 ปี
ขณะเดียวกันการเริ่มโครงการในระยะที่ 5 นี้ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการและขอสินเชื่อแล้ว 9 รายด้วยกันซึ่งเป็นธุรกิจโรงพยาบาล และคาดว่าจะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นโดยมีวงเงินปล่อยกู้ประมาณ 150 ล้านบาท
"ธนาคารได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2544 เพราะธนาคารให้ความสำคัญในการแข่งขันของลูกค้าและความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้ว 250 แห่ง ซึ่งนับเป็นเม็ดเงินลงทุน 1.26 หมื่นบาท และในอนาคตจะเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับส่วนแบ่งทางกาตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในการปล่อยสินเชื่อในโครงการดังกล่าวนั้น ส่วนตัวไม่สามารถออกให้ความเห็นได้แต่เท่าที่สังเกตแล้ว ธนาคารจะเป็นธนาคารแห่งแรกที่กระทรวงพลังงานฯ เชิญให้ปล่อยกู้ร่วมและให้เป็นวิทยากรที่ให้ความรู้เป็นแห่งผู้ประกอบการ"นางดวงพร กล่าว
นางดวงพร สุจริตานุวัต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบรรษัทธุรกิจ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่และรายกลางไว้ที่ 6-7% หรือ คิดเป็นวงเงินปล่อยใหม่ประมาณ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ผ่านมาที่สินเชื่อดังกล่าวหดตัว โดยฐานสินเชื่อรายใหญ่และรายกลางคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น คาดว่าฐานสินเชื่อคงค้างดังกล่าวในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท
"ธนาคารมั่นใจว่าในปันี้ทั้งปี จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน แม้ว่าปีนี้จะยังมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก และปัญหาทางการเมืองในประเทศเข้ามากระทบบ้างก็ตาม อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยโดยรวมขณะนี้นับว่าดีขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ ธนาคารมีผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่างซีไอเอ็มบีกรุ๊ปเข้ามาช่วยเสริมศักภาพ ซึ่งก็จะยิ่งช่วยให้การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย"นางดวงพร กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อให้เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่และรายกลางเป็นไปตามแผนงานที่ตั้งไว้ ธนาคารจึงได้สานต่อโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานในการช่วยผลักดันการปล่อยสินเชื่อ โดยล่าสุดธนาคารได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ของกระทรวงพลังงานในการช่วยส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการ
โดยการปล่อยสินเชื่อโครงการดังกล่าวเข้าสู่ในระยะที่ 5 แล้ว จากที่โครงการระยะที่ 1-4 ธนาคารกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ ได้ปล่อยสินเชื่อสนับสนุนแล้วประมาณ 1.1 พันล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการนี้ผู้ประกอบการจะได้วงเงินสนับสนุนสูงสุดประมาณ 50 ล้านบาทต่อหนึ่งมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ส่วนการคิดอัตราดอกเบี้ยนั้นธนาคารและกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 4% เพราะฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเพราะเป็นอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมีระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 7 ปี
ขณะเดียวกันการเริ่มโครงการในระยะที่ 5 นี้ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการและขอสินเชื่อแล้ว 9 รายด้วยกันซึ่งเป็นธุรกิจโรงพยาบาล และคาดว่าจะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นโดยมีวงเงินปล่อยกู้ประมาณ 150 ล้านบาท
"ธนาคารได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2544 เพราะธนาคารให้ความสำคัญในการแข่งขันของลูกค้าและความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้ว 250 แห่ง ซึ่งนับเป็นเม็ดเงินลงทุน 1.26 หมื่นบาท และในอนาคตจะเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับส่วนแบ่งทางกาตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในการปล่อยสินเชื่อในโครงการดังกล่าวนั้น ส่วนตัวไม่สามารถออกให้ความเห็นได้แต่เท่าที่สังเกตแล้ว ธนาคารจะเป็นธนาคารแห่งแรกที่กระทรวงพลังงานฯ เชิญให้ปล่อยกู้ร่วมและให้เป็นวิทยากรที่ให้ความรู้เป็นแห่งผู้ประกอบการ"นางดวงพร กล่าว
