"ทหารไทย"โหมรุกสินเชื่อเอสเอ็มอี เน้นรายเล็กหลังแคมเปญ 3 เท่า รับเงินภายใน 15 วันยอดวิ่งฉิว ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าอีกเท่าตัวจาก 2 หมื่นรายเป็น 4 หมื่นราย และเพิ่มมาเก็ตแชร์เป็น 14% ติด 1 ใน 3ของระบบภายใน 3 ปี
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไว้ที่ 25% หรือคิดเป็นเม็ดเงินปล่อยใหม่ 3 หมื่นล้านบาท โดยกลยุทธ์หลักเน้นหาลูกค้าใหม่ที่เป็นกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กยังมีอยู่มาก และลูกค้ากลุ่มดังกล่าวยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน
สำหรับในช่วงปลายปี 2552 หลังธนาคารได้ออกแคมเปญสินเชื่อเอสเอ็มอี 3 เท่า ได้รับเงินภายใน 15 วัน ปรากฎว่ามีลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กสนใจขอสินเชื่อกับธนาคารเป็นจำนวนมาก โดยระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ธนาคารได้ลูกค้าใหม่เข้ามา 900 กว่าราย คิดเป็นวงเงินทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท ล่าสุดในเดือน ม.ค. เพียงเดือนเดียวมีลูกค้าใหม่เข้ามาขอสินเชื่อถึง 300 ราย คิดเป็นยอดสินเชื่อ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเดินเข้ามาขอสินเชื่อที่สาขาด้วยตนเอง โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายวงเงินสินเชื่อดังกล่าวที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท ภายในเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้
"จากปริมาณการใช้สินเชื่อเอสเอ็มอี 3 เท่า ได้รับเงินภายใน 15 วันดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการสินเชื่อเอสเอ็มอียังคงมีความต้องการเงินทุนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก ทำให้ธนาคารมุ่งเน้นไปในส่วนดังกล่าวในปีนี้"นายสยาม กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายเพิ่มฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีคงค้างในสิ้นปีนี้มาอยู่ที่ระดับ 1 แสนล้านบาท จากในปัจจุบันธนาคารมีฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีคงค้างอยู่ที่ 8.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากฐานลูกค้าใหม่ 80% และฐานลูกค้าเดิม 20% โดยในจำนวนดังกล่าวธนาคารต้องการที่จะเพิ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กให้เป็น 4 หมื่นราย จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 2 หมื่นราย และจะเพิ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางให้เป็น 8 พันราย จากปัจจุบันอยูที่ 4 พันราย รวมทั้ง ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อยู่ที่ 14% ภายในระยะ 5 ปี หรือในปี 2557 จากปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์ของธนาคารอยู่ที่ 6-7% ขณะเดียวกันธนาคารมุ่งหวังที่จะขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 ของระบบธนาคารพาณิชย์
นายสยามกล่าวอีกว่า การที่ธนาคารเพิ่มจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กถึง 2 เท่าตัวจากฐานเดิมนั้น เนื่องจากธนาคารยังมีฐานลูกค้าเล็กอยู่ไม่มากนัก ประกอบกับที่ผ่านมาธนาคารได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการโอนย้ายลูกค้าเอสเอ็มอีจากสาขาที่เคยดูแลให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานใหญ่ เพราะลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมียอดขายตั้งแต่ 1 พันล้านขึ้นไปต่อปี จะต้องอยู่ในความดูแลของสายงายสินเชื่อรายใหญ่ จึงทำให้ยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีลดลง 4-5 หมื่นล้านบาท
สำหรับการแข่งขันสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้ เชื่อว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น เพื่อไปต่อยอดธุรกิจต่อไป
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไว้ที่ 25% หรือคิดเป็นเม็ดเงินปล่อยใหม่ 3 หมื่นล้านบาท โดยกลยุทธ์หลักเน้นหาลูกค้าใหม่ที่เป็นกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กยังมีอยู่มาก และลูกค้ากลุ่มดังกล่าวยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน
สำหรับในช่วงปลายปี 2552 หลังธนาคารได้ออกแคมเปญสินเชื่อเอสเอ็มอี 3 เท่า ได้รับเงินภายใน 15 วัน ปรากฎว่ามีลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กสนใจขอสินเชื่อกับธนาคารเป็นจำนวนมาก โดยระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ธนาคารได้ลูกค้าใหม่เข้ามา 900 กว่าราย คิดเป็นวงเงินทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท ล่าสุดในเดือน ม.ค. เพียงเดือนเดียวมีลูกค้าใหม่เข้ามาขอสินเชื่อถึง 300 ราย คิดเป็นยอดสินเชื่อ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเดินเข้ามาขอสินเชื่อที่สาขาด้วยตนเอง โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายวงเงินสินเชื่อดังกล่าวที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท ภายในเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้
"จากปริมาณการใช้สินเชื่อเอสเอ็มอี 3 เท่า ได้รับเงินภายใน 15 วันดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการสินเชื่อเอสเอ็มอียังคงมีความต้องการเงินทุนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก ทำให้ธนาคารมุ่งเน้นไปในส่วนดังกล่าวในปีนี้"นายสยาม กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายเพิ่มฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีคงค้างในสิ้นปีนี้มาอยู่ที่ระดับ 1 แสนล้านบาท จากในปัจจุบันธนาคารมีฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีคงค้างอยู่ที่ 8.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากฐานลูกค้าใหม่ 80% และฐานลูกค้าเดิม 20% โดยในจำนวนดังกล่าวธนาคารต้องการที่จะเพิ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กให้เป็น 4 หมื่นราย จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 2 หมื่นราย และจะเพิ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางให้เป็น 8 พันราย จากปัจจุบันอยูที่ 4 พันราย รวมทั้ง ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อยู่ที่ 14% ภายในระยะ 5 ปี หรือในปี 2557 จากปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์ของธนาคารอยู่ที่ 6-7% ขณะเดียวกันธนาคารมุ่งหวังที่จะขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 ของระบบธนาคารพาณิชย์
นายสยามกล่าวอีกว่า การที่ธนาคารเพิ่มจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กถึง 2 เท่าตัวจากฐานเดิมนั้น เนื่องจากธนาคารยังมีฐานลูกค้าเล็กอยู่ไม่มากนัก ประกอบกับที่ผ่านมาธนาคารได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการโอนย้ายลูกค้าเอสเอ็มอีจากสาขาที่เคยดูแลให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานใหญ่ เพราะลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมียอดขายตั้งแต่ 1 พันล้านขึ้นไปต่อปี จะต้องอยู่ในความดูแลของสายงายสินเชื่อรายใหญ่ จึงทำให้ยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีลดลง 4-5 หมื่นล้านบาท
สำหรับการแข่งขันสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้ เชื่อว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น เพื่อไปต่อยอดธุรกิจต่อไป
