“อินโดรามา เวนเจอร์ส” ปรับลดสัดส่วนขายหุ้นไอพีโอ โดยลดจำนวนขายหุ้นให้ต่างชาติเหลือเพียง 130 ล้านหุ้น จากเดิม 600 ล้านหุ้น เหตุโดนกดราคา จากความกังวลกรณีมาบตาพุด-ฐานะทางการเงินบริษัท ด้านที่ปรึกษาเชื่อมั่นหุ้นสูงกว่าราคาจอง เพราะมีหุ้นกรีนชูช่วย เตรียมเปิดจอง 25-27 ม.ค.นี้ คาดเข้าซื้อขายในกระดาน 5 ก.พ. ผู้บริหารระบุนำเงินระดมทุน 4 พันล้านบาท เข้าซื้อกิจการเพิ่ม เช่นโรงงานไฟฟ้าในยุโรป ภายในครึ่งปีแรก และตั้งเป้ารายได้โตปีละ 20% คุยช่วยเพิ่มมาร์เกตแคปตลาด อีก4.4 หมื่นล้าน
นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL เปิดเผยว่า อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้มีการปรับสัดส่วนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) แก่นักลงทุนในประเทศ โดยลดสัดส่วนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน เหลือ 1 ,000 ล้านหุ้นซึ่งรวมกับหุ้นที่รองรับการแลกหุ้นกับบริษัทอินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IRP แล้ว
จากเดิมที่คณะกรรมการบอร์ดIVL อนุมัติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 1,700 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นไอพีโอไม่เกิน 913 ล้านหุ้น และอีก 817 ล้านหุ้น รองรับการแลกหุ้นกับ IRP เนื่องจากในช่วงการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นนั้นนักลงทุนต่างประเทศได้มีการให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้นในราคาต่ำสุดคือ 10.20 บาท จากช่วงราคาที่ 10.20 – 12.60 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้การที่นักลงทุนต่างประเทศสนใจซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำ เพราะมีความกังวลในเรื่องฐานะทางการเงินของบริษัท และความกังวลในเรื่องมาบตาพุด แต่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคดีที่ทางบริษัท Eastman Chemical Company ยื่นฟ้องบริษัทย่อยของ TVLละเมิดสิทธิบัติเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพราะ เรื่องการฟ้องร้องในต่างประเทศเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ ขณะที่นักลงทุนในประเทศสนใจจองซื้อในราคาที่สูง11.31 บาทต่อหุ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้มีการปรับสัดส่วนการขายหุ้นลดลงจากที่ราคาเสนอขายเป็นราคาที่ต่ำ โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 20% จากค่าP/E ไม่ถึง 8 เท่า ส่วนอุตสาหกรรมมีค่าP/E 11-12 เท่า
“บริษัทได้มีการปรับสัดส่วนการขายหุ้นไอพีโอลง เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศนั้นกดราคาหุ้น เพราะกังวลในเรื่องมาบตาพุดและฐานะทางการเงินของบริษัท ขณะที่นักลงทุนไทยนั้นให้ราคาที่สูงกว่านักลงทุนต่างประเทศ เราจึงได้มีการเพิ่มหุ้นแก่นักลงทุนไทยมากขึ้น ทำให้หุ้นที่จะขายแก่นักลงทุนต่างประเทศลง เหลือ 130 ล้านหุ้น จากเดิมที่จะขายหุ้นให้ 600 ล้านหุ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทแจ้งในชี้ชวนว่าจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ 913 ล้านหุ้นแก่นักลงทุน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนอีก 817 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการแลกหุ้น ที่ราคา 1.232หุ้นใหม่ของIVL ต่อ 1 หุ้นIRP ”
ดังนั้น อินโดรามา เวนเจอร์ส จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 1,060 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นการเสนอขายหุ้นไอพีโอ เพียง 460 ล้านหุ้น ( 60 สิ้นล้านหุ้นในส่วนนี้ มาจากการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู)) ซึ่งทั้งหมดจะถูกแบ่งออกมาเสนอขายแก่นักลงทุนรายย่อย 150 ล้านหุ้น นักลงทุนสถาบันไทย215 ล้านหุ้น และนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 130 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10.20 บาท/หุ้น ในวันที่ 25-27 มกราคมนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้
ส่วนหุ้นอีก 600ล้านหุ้นนั้น บริษัทจะจัดเตรียมไว้เพื่อรองรับการแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นอินโดรามา โพลีเมอร์ส ในอัตรา 1 หุ้นของIRP ต่อ 1.415 หุ้นIVL โดยบริษัทได้มีการเปิดให้นักลงทุนมาใช้สิทธิแลกหุ้นตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม และวัดสุดท้ายจะเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งบริษัทเชื่อว่านักลงทุนจะเข้ามาใช้สิทธิแลกหุ้นหมดเพราะ หากไม่นำมาแลกนั้น หุ้นของ อินโดรามา โพลีเมอร์ส จะถูกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในวันเดียวกับที่หุ้นIVLเข้าซื้อขายห้นวันแรกในตลาหลักทรัพย์ฯ ทำให้นักลงทุนไม่ได้ประโยชน์ หากยังถือหุ้นไว้ โดยเชื่อว่าจะมีผู้ใช้สิทธิกว่า 90%
ทั้งนี้เชื่อว่าราคาหุ้นของIVLจะสามารถสูงกว่าราคาจองได้ เนื่องจาก การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ได้มีหุ้นกรีนชูอีก 60 ล้านหุ้น ทำให้จะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นได้ในช่วง 1 เดือนในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ เพราะ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง ทางบล.บัวหลวงสามารถที่จะเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อเตรียมนำหุ้นไปคืนกับผู้ถือหุ้นจากที่ยืมหุ้นมาออกหุ้นกรีนชู
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอินโดรามา กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนของIVL ถือว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี2549 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) 44,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้จำนวน 4,080 ล้านบาท โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ลงทุนในการซื้อกิจการเพิ่ม เช่น โรงงานผลิตไฟฟ้าในยุโรป เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตเม็ดพลาสติโพลีเมอร์ของบริษัท และธุรกิจอื่นๆซึ่งในไตรมาส1/53 บริษัทจะเข้าไปซื้อกิจการ เพิ่ม ตามแผนมุ่งเน้นในการลงทุนบริษัทอื่น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนที่ถือหุ้นของบริษัท
“บริษัทได้มีการยกเลิกที่จะไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศแล้ว จากเดิมที่บริษัทมีช่องที่จะระดมทุนในหลายประเทศ แต่จากการที่ยุโรป อเมริกา อังกฤษประสบปัญหาเรื่อสถาบันการเงินในปีที่ผ่านมานั้น จะทำให้เสนอขายหุ้นได้ในราคาที่ต่ำ และเป็นหุ้นขนาดเล็กในต่างประเทศ ดังนั้นบริษัทจึงเลือกที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว จากที่สินทรัพย์50% อยู่ในเมืองไทย มีสำนักงานอยู่ในเมืองไทยและต้นทุนในการขายหุ้นในประเทศไทยก็ต่ำกว่า”นายอาลก กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตรายได้ของบริษัท 20%ต่อปีทุกปี ซึ่งคาดว่ารายได้ในปี 2552 จะเป็นไปตามเป้าหมาย จาก9 เดือนแรกปี2552 บริษัทมีรายได้ 59,100 ล้านบาท โดยปี 2551 บริษัทมีรายได้รวม 53,300 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,454 ล้านบาท
นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL เปิดเผยว่า อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้มีการปรับสัดส่วนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) แก่นักลงทุนในประเทศ โดยลดสัดส่วนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน เหลือ 1 ,000 ล้านหุ้นซึ่งรวมกับหุ้นที่รองรับการแลกหุ้นกับบริษัทอินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IRP แล้ว
จากเดิมที่คณะกรรมการบอร์ดIVL อนุมัติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 1,700 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นไอพีโอไม่เกิน 913 ล้านหุ้น และอีก 817 ล้านหุ้น รองรับการแลกหุ้นกับ IRP เนื่องจากในช่วงการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นนั้นนักลงทุนต่างประเทศได้มีการให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้นในราคาต่ำสุดคือ 10.20 บาท จากช่วงราคาที่ 10.20 – 12.60 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้การที่นักลงทุนต่างประเทศสนใจซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำ เพราะมีความกังวลในเรื่องฐานะทางการเงินของบริษัท และความกังวลในเรื่องมาบตาพุด แต่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคดีที่ทางบริษัท Eastman Chemical Company ยื่นฟ้องบริษัทย่อยของ TVLละเมิดสิทธิบัติเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพราะ เรื่องการฟ้องร้องในต่างประเทศเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ ขณะที่นักลงทุนในประเทศสนใจจองซื้อในราคาที่สูง11.31 บาทต่อหุ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้มีการปรับสัดส่วนการขายหุ้นลดลงจากที่ราคาเสนอขายเป็นราคาที่ต่ำ โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 20% จากค่าP/E ไม่ถึง 8 เท่า ส่วนอุตสาหกรรมมีค่าP/E 11-12 เท่า
“บริษัทได้มีการปรับสัดส่วนการขายหุ้นไอพีโอลง เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศนั้นกดราคาหุ้น เพราะกังวลในเรื่องมาบตาพุดและฐานะทางการเงินของบริษัท ขณะที่นักลงทุนไทยนั้นให้ราคาที่สูงกว่านักลงทุนต่างประเทศ เราจึงได้มีการเพิ่มหุ้นแก่นักลงทุนไทยมากขึ้น ทำให้หุ้นที่จะขายแก่นักลงทุนต่างประเทศลง เหลือ 130 ล้านหุ้น จากเดิมที่จะขายหุ้นให้ 600 ล้านหุ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทแจ้งในชี้ชวนว่าจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ 913 ล้านหุ้นแก่นักลงทุน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนอีก 817 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการแลกหุ้น ที่ราคา 1.232หุ้นใหม่ของIVL ต่อ 1 หุ้นIRP ”
ดังนั้น อินโดรามา เวนเจอร์ส จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 1,060 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นการเสนอขายหุ้นไอพีโอ เพียง 460 ล้านหุ้น ( 60 สิ้นล้านหุ้นในส่วนนี้ มาจากการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู)) ซึ่งทั้งหมดจะถูกแบ่งออกมาเสนอขายแก่นักลงทุนรายย่อย 150 ล้านหุ้น นักลงทุนสถาบันไทย215 ล้านหุ้น และนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 130 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10.20 บาท/หุ้น ในวันที่ 25-27 มกราคมนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้
ส่วนหุ้นอีก 600ล้านหุ้นนั้น บริษัทจะจัดเตรียมไว้เพื่อรองรับการแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นอินโดรามา โพลีเมอร์ส ในอัตรา 1 หุ้นของIRP ต่อ 1.415 หุ้นIVL โดยบริษัทได้มีการเปิดให้นักลงทุนมาใช้สิทธิแลกหุ้นตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม และวัดสุดท้ายจะเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งบริษัทเชื่อว่านักลงทุนจะเข้ามาใช้สิทธิแลกหุ้นหมดเพราะ หากไม่นำมาแลกนั้น หุ้นของ อินโดรามา โพลีเมอร์ส จะถูกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในวันเดียวกับที่หุ้นIVLเข้าซื้อขายห้นวันแรกในตลาหลักทรัพย์ฯ ทำให้นักลงทุนไม่ได้ประโยชน์ หากยังถือหุ้นไว้ โดยเชื่อว่าจะมีผู้ใช้สิทธิกว่า 90%
ทั้งนี้เชื่อว่าราคาหุ้นของIVLจะสามารถสูงกว่าราคาจองได้ เนื่องจาก การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ได้มีหุ้นกรีนชูอีก 60 ล้านหุ้น ทำให้จะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นได้ในช่วง 1 เดือนในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ เพราะ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง ทางบล.บัวหลวงสามารถที่จะเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อเตรียมนำหุ้นไปคืนกับผู้ถือหุ้นจากที่ยืมหุ้นมาออกหุ้นกรีนชู
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอินโดรามา กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนของIVL ถือว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี2549 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) 44,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้จำนวน 4,080 ล้านบาท โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ลงทุนในการซื้อกิจการเพิ่ม เช่น โรงงานผลิตไฟฟ้าในยุโรป เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตเม็ดพลาสติโพลีเมอร์ของบริษัท และธุรกิจอื่นๆซึ่งในไตรมาส1/53 บริษัทจะเข้าไปซื้อกิจการ เพิ่ม ตามแผนมุ่งเน้นในการลงทุนบริษัทอื่น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนที่ถือหุ้นของบริษัท
“บริษัทได้มีการยกเลิกที่จะไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศแล้ว จากเดิมที่บริษัทมีช่องที่จะระดมทุนในหลายประเทศ แต่จากการที่ยุโรป อเมริกา อังกฤษประสบปัญหาเรื่อสถาบันการเงินในปีที่ผ่านมานั้น จะทำให้เสนอขายหุ้นได้ในราคาที่ต่ำ และเป็นหุ้นขนาดเล็กในต่างประเทศ ดังนั้นบริษัทจึงเลือกที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว จากที่สินทรัพย์50% อยู่ในเมืองไทย มีสำนักงานอยู่ในเมืองไทยและต้นทุนในการขายหุ้นในประเทศไทยก็ต่ำกว่า”นายอาลก กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตรายได้ของบริษัท 20%ต่อปีทุกปี ซึ่งคาดว่ารายได้ในปี 2552 จะเป็นไปตามเป้าหมาย จาก9 เดือนแรกปี2552 บริษัทมีรายได้ 59,100 ล้านบาท โดยปี 2551 บริษัทมีรายได้รวม 53,300 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,454 ล้านบาท