ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดออกเกณฑ์รับหุ้นต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ในช่วง ไตรมาส3-4 ปีนี้ หลังมีบริษัทแจ้งจำนงค์ ขายหุ้นไอพีโอแล้ว ด้าน “อินโดรามา เวนเจอร์ส”ประเดิมเป็นบริษัทแรกเข้าจดทะเบียนปีนี้ ดันมาร์เกตแคปเพิ่ม 5 หมื่นล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของเป้าหมายปีนี้ของตลท.ที่จะเพิ่มมาร์เกตแคปอีก 1 แสนล้านบาท จากการเข้าจดทะเบียนของหุ้นใหม่ "วิเชฐ"ระบุกระทรวงการคลังมีแผนนำหุ้นในมือออกมาขายเพื่อเพิ่มฟรีโพลท 1-2 บริษัท พร้อมไฟเขียวตั้งคณะทำงานดันบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจเข้าระดมทุน
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการประชุมหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อพิจารณาในเรื่องออกเกณฑ์ในการนำบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดแรก (Primary Listing)ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเกณฑ์รับหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นน่าจะประกาศบังคับใช้ประมาณไตรมาส3 /53หรือไตรมมาส4/53
ทั้งนี้เพื่อรองรับหุ้นต่างประเทศที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก ขณะนี้มีบริษัทต่างประเทศได้มีแจ้งความจำนงที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ และจำนวนบริษัทที่แจ้งความจำนงมา เพราะ บริษัทที่แจ้งความจำนงค์มานั้นอยู่ระหว่างการรอดูเกณฑ์ที่จะออกมาว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทดังกล่าวอาจที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอื่นได้
“ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีรายชื่อบริษัทต่างประเทศที่แจ้งความสนใจที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดแรกแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีกี่บริษัท เพราะทุกบริษัทที่แจ้งมานั้นขอรอดูเกณฑ์การรับหุ้นก่อน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลท.และก.ล.ต.มีการมีการประชุมในเรื่องการพิจารณาออกเกณฑ์ โดยคาดว่าจะประกาศบังคับใช้เกณฑ์ได้ในไตรมาส3 หรือไตรมาส 4 ปีนี้ ” นายวิเชฐ กล่าว
สำหรับประเด็นที่มีความกังวลในเรื่องการรับบริษัทต่างประเทศที่ยังไม่เคยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไหนมาเลยนั้นจะมีการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของบริษัท ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะใช้เกณฑ์เหมือนกับที่ใช้กับบริษัทไทยที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่หากบางประเทศที่มีมาตรฐานที่ต่ำกว่าและตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการที่จะดึงเข้ามาระดมทุนนั้นจะต้องมีการเจรจากว่าจะมีการดำเนินอย่างไร เพื่อที่จะได้บริษัทที่มีคุณภาพเข้ามาจดทะเบียนในไทย
นายวิเชฐ กล่าวว่า บริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นบริษัทแรกในปีนี้ คือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนถือหุ้นในบริษัทต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกำหนดที่จะเข้าซื้อขายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเสนอขายหุ้นจำนวน 913.45ล้านหุ้น โดยจะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) จำนวน 50,000 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นไตรมาส1/53 มีบริษัทแจ้งความจำนงเข้าจดทะเบียนเพียง 1 บริษัทเท่านั้น และตลท.มีแผนที่จะให้บริษัทที่จะเสนอขายไอพีโอมีการจัดทำโครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงานบจ.(EJIP)เพื่อสนุนให้มีบจ.ทำโครงการมากขึ้น จากปัจจุบันที่มี 4 บริษัท
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะเพิ่มความน่าสนใจของหุ้นที่มีศักยภาพให้อยู่ในสายตานักลงทุน เนื่องจาก ปีที่ผ่านมาตลท.ได้มีการไปพบบจ.จำนวน 200 แห่ง พบว่ามีบริษัทจำนวนมากที่ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในการลงทุน โดยในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะทำให้หุ้นดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนโดยการให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) มีการจัดทำบทวิเคราะห์ และนำบริษัทดังกล่าวออกสื่อมากขึ้นเพื่อให้นักลงทุนได้ทราบข้อมูลของบริษัทมากขึ้น และเพื่อที่จะทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทดังกล่าวสะท้อนกับราคาตลาด จากปัจจุบันที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทั้งที่บริษัทดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดี
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับทางกระทรวงพาณิชย์เพื่อลดอุปสรรคในการเพิ่มทุนและลดทุนของบริษัทจดทะเบียน จากเกณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อในการช่วยพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีการเติบโต เพราะปัจจุบันอุปสรรคในการเพิ่มทุนนั้นไม่ได้อยู่ที่เกณธ์ของตลท.และก.ล.ต.แต่อยู่ที่กฎของกระทรวงพาณิชย์ เช่น การลดจำนวนการออกคะแนนเสียงโหวตลดลง และขอให้มีการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นล่วงหน้าเพื่อที่จะสามารถเพิ่มทุนได้ เพื่อลดระยะเวลาและจะได้เพิ่มทุนได้ทันเวลา
สำหรับความคืบหน้าในการนำบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนว่า กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานพลักดันการนำบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยธุรกิจใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะแต่งตั้งได้ในเร็วๆนี้ เพื่อที่จะมีการประชุมหารือกันในทุกเดือนเพื่อทำรายชื่อบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจที่มีโอกาสในการเข้าจดทะเบียนและติดตามความคืบหน้า และผลักดันให้เข้าจดทะเบียนได้ตามแผน โดยในเดือนหน้า คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)และตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการประชุมหารือเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้มีบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจที่มีโอกาสที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยประมาณ 10 บริษัท ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ และทางกระทรวงการคลังมีความเห็นชอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นที่เป็นภาคเอกชนว่าจะเห็นชอบหรือไม่ ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการคลังมีความเห็นชอบที่จะนำหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ออกมาขายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น จำนวน 1-2 บริษัท
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการประชุมหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อพิจารณาในเรื่องออกเกณฑ์ในการนำบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดแรก (Primary Listing)ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเกณฑ์รับหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นน่าจะประกาศบังคับใช้ประมาณไตรมาส3 /53หรือไตรมมาส4/53
ทั้งนี้เพื่อรองรับหุ้นต่างประเทศที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก ขณะนี้มีบริษัทต่างประเทศได้มีแจ้งความจำนงที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ และจำนวนบริษัทที่แจ้งความจำนงมา เพราะ บริษัทที่แจ้งความจำนงค์มานั้นอยู่ระหว่างการรอดูเกณฑ์ที่จะออกมาว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทดังกล่าวอาจที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอื่นได้
“ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีรายชื่อบริษัทต่างประเทศที่แจ้งความสนใจที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดแรกแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีกี่บริษัท เพราะทุกบริษัทที่แจ้งมานั้นขอรอดูเกณฑ์การรับหุ้นก่อน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลท.และก.ล.ต.มีการมีการประชุมในเรื่องการพิจารณาออกเกณฑ์ โดยคาดว่าจะประกาศบังคับใช้เกณฑ์ได้ในไตรมาส3 หรือไตรมาส 4 ปีนี้ ” นายวิเชฐ กล่าว
สำหรับประเด็นที่มีความกังวลในเรื่องการรับบริษัทต่างประเทศที่ยังไม่เคยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไหนมาเลยนั้นจะมีการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของบริษัท ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะใช้เกณฑ์เหมือนกับที่ใช้กับบริษัทไทยที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่หากบางประเทศที่มีมาตรฐานที่ต่ำกว่าและตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการที่จะดึงเข้ามาระดมทุนนั้นจะต้องมีการเจรจากว่าจะมีการดำเนินอย่างไร เพื่อที่จะได้บริษัทที่มีคุณภาพเข้ามาจดทะเบียนในไทย
นายวิเชฐ กล่าวว่า บริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นบริษัทแรกในปีนี้ คือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนถือหุ้นในบริษัทต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกำหนดที่จะเข้าซื้อขายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเสนอขายหุ้นจำนวน 913.45ล้านหุ้น โดยจะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) จำนวน 50,000 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นไตรมาส1/53 มีบริษัทแจ้งความจำนงเข้าจดทะเบียนเพียง 1 บริษัทเท่านั้น และตลท.มีแผนที่จะให้บริษัทที่จะเสนอขายไอพีโอมีการจัดทำโครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงานบจ.(EJIP)เพื่อสนุนให้มีบจ.ทำโครงการมากขึ้น จากปัจจุบันที่มี 4 บริษัท
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะเพิ่มความน่าสนใจของหุ้นที่มีศักยภาพให้อยู่ในสายตานักลงทุน เนื่องจาก ปีที่ผ่านมาตลท.ได้มีการไปพบบจ.จำนวน 200 แห่ง พบว่ามีบริษัทจำนวนมากที่ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในการลงทุน โดยในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะทำให้หุ้นดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนโดยการให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) มีการจัดทำบทวิเคราะห์ และนำบริษัทดังกล่าวออกสื่อมากขึ้นเพื่อให้นักลงทุนได้ทราบข้อมูลของบริษัทมากขึ้น และเพื่อที่จะทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทดังกล่าวสะท้อนกับราคาตลาด จากปัจจุบันที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทั้งที่บริษัทดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดี
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับทางกระทรวงพาณิชย์เพื่อลดอุปสรรคในการเพิ่มทุนและลดทุนของบริษัทจดทะเบียน จากเกณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อในการช่วยพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีการเติบโต เพราะปัจจุบันอุปสรรคในการเพิ่มทุนนั้นไม่ได้อยู่ที่เกณธ์ของตลท.และก.ล.ต.แต่อยู่ที่กฎของกระทรวงพาณิชย์ เช่น การลดจำนวนการออกคะแนนเสียงโหวตลดลง และขอให้มีการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นล่วงหน้าเพื่อที่จะสามารถเพิ่มทุนได้ เพื่อลดระยะเวลาและจะได้เพิ่มทุนได้ทันเวลา
สำหรับความคืบหน้าในการนำบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนว่า กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานพลักดันการนำบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยธุรกิจใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะแต่งตั้งได้ในเร็วๆนี้ เพื่อที่จะมีการประชุมหารือกันในทุกเดือนเพื่อทำรายชื่อบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจที่มีโอกาสในการเข้าจดทะเบียนและติดตามความคืบหน้า และผลักดันให้เข้าจดทะเบียนได้ตามแผน โดยในเดือนหน้า คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)และตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการประชุมหารือเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้มีบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจที่มีโอกาสที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยประมาณ 10 บริษัท ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ และทางกระทรวงการคลังมีความเห็นชอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นที่เป็นภาคเอกชนว่าจะเห็นชอบหรือไม่ ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการคลังมีความเห็นชอบที่จะนำหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ออกมาขายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น จำนวน 1-2 บริษัท