xs
xsm
sm
md
lg

ขอเวฟภาษีถาวร เอื้อจดทะเบียนลดต้นทุน บจ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังปี 53 สรรพากรไฟเขียวให้สิทธิภาษีถาวรแก่บริษัทจดทะเบียน หนุนเข้ามาซื้อขายในตลาดมากขึ้น อีกทั้งช่วยรัฐลดต้นทุนและมีประสิทธิภาพในการเก็บภาษีดีขึ้น ด้าน"วิเชฐ" เตรียมเดินหน้าผลักดันออกเกณฑ์ไพรเมรี่ปีหน้า เบื้องต้นบริษัทต่างชาติที่จะเข้าจดทะเบียนในไทยเป็นตลาดแรก ต้องมีผู้สอบบัญชีติดอันดับ TOP ของโลก สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องฐานะการเงิน

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการดำเนินการขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับบริษัทจดทะเบียนเป็นการถาวร จากที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2552 เพื่อให้มีความแตกต่างระหว่างบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและบริษัทที่อยู่นอกตลาด ซึ่งถือว่าเป็น 1 ในแผนงานปี2553ของตลาดหลักทรัพย์ฯที่จะผลักดันให้เสร็จภายในปีหน้า เพื่อให้กับการจ่ายภาษีของบริษัทจดทะเบียนในเดือนเมษายนปี2554

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับทางกรมสรรพากร ซึ่งที่ผ่านมาสมาคมบริษัทจดทะเบียน และทางชมรมเอ็มเอไอ ซีอีโอ ได้มีการทำหนังสือเสนอต่อกระทรวงการคลังให้มีการต่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว โดยได้มีการให้ข้อมูลว่า การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทจดทะเบียนนั้น ทำให้กรมสรรพากรสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น และหากกรมสรรพากรมีการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะทำให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น และยังเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของของกรมสรรพกรอีกด้วย จากปัจจุบันนี้ที่กรมสรรพากรจูงใจพนักงานหาบริษัทที่ไม่เคยจ่ายภาษีให้มีการจ่ายภาษีกับกรมสรรพากร โดยให้ส่วนแบ่งประมาณ 5% จากจำนวนภาษีของบริษัทที่มีการจ่ายแก่กรมสรรพกร

สำหรับข้อมูลของทางชมรมเอ็มเอไอ ซีอีโอ ที่ให้กรมสรรพากรคือ จากการที่กรมสรรพากร มีการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลให้บริษัทในตลาดเอ็มเอไอ เหลือ 20% จาก 30% นั้นส่งผลดีต่อรัฐบาลที่สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น โดยในปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวนมากนั้น รัฐบาลมีการเก็บภาษีจากบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวน 1,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนบริษัทดังกล่าวจ่ายภาษีเฉลี่ยปีละ 239 ล้านบาท และส่งผลให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอมากขึ้น

ตลท.ผลักดันเกณฑ์ดึงบริษัทต่างชาติ

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการผลักดันให้มีการออกเกณฑ์รับหลักทรัพย์ของบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นตลาดแรก (Primary Listing)ในปีนี้ เพื่อเป็นการชักชวนให้บริษัทต่างประเทศเหล่านี้สนใจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

จากเดิม ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการออกเกณฑ์ Primary Listing และเกณฑ์การจดทะเบียนสองตลาดแบบ Dual Listing พร้อมกัน แต่ก.ล.ต.มีความเป็นห่วง ในเรื่องการกำกับดูแล คุณภาพของบริษัทต่างประเทศที่จะเข้าจดทะเบียนในไทยเป็นตลาดแรกนั้นจะมีการการพิจารณารับหลักทรัพย์และเกณฑ์ในการดูแลอย่างไร เพราะ เป็นบริษัทต่างประเทศและไม่เคยจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์ใดมาก่อน

ขณะที่บริษัทต่างประเทศที่เข้ามาทำดูอัลลิสติ้งนั้นเป็นบริษัทที่เคยจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ มาก่อน และบริษัทที่จะเข้ามาทำดูอัลลิสติ้งต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่ต่ำกว่า 10,000ล้านบาท หรือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่จัดอยู่ในลำดับไม่เกิน 1 ใน 5 บริษัทที่มีขนาดใหญ่ (Top quartile) ของตลาดลักทรัพย์หลักซึ่งเป็นสมาชิกสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchanges: WFE) และมีหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกองค์กรคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (InternationalOrganization of Securities Commissions: IOSCO)

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเสนอก.ล.ต.ว่า บริษัทต่างประเทศที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดแรกนั้น จะต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชีที่ติดอันดับ1 ใน 5 ของโลกเท่านั้น เพื่อให้ก.ล.ต.มีการออกเกณฑ์ในการรับหลักทรัพย์ โดยในเบื้องต้นบริษัทต่างประเทศที่จะการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดแรกนั้น จะเป็นบริษัทของประเทศในแถบอินโดไซน่า เพราะมีนักลงทุนไทยได้มีการนำเงินไปลงทุนในประเทศดังกล่าวเพื่อทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก และเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนตั้งบริษัทในต่างประเทศสามารถระดมทุนในตลาดหุ้นไทยได้ เช่น บริษัทในประเทศลาวที่มีขนาดใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น