“เกียรตินาคิน” โหมโปรโมทผู้ประกอบการอสังหาฯ SMEs ยันแบงก์ยังปล่อยกู้ เชื่อปี 53 อสังหาฯโตตามยอดขายรถยนต์ พร้อมระบุผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อบ้านก่อนสิ้นสุดอายุมาตรการ หากรัฐไม่ต่ออายุมาตรการตลาดอาจชะลอตัวช่วงสั้น
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารเตรียมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ว่าธนาคารยังให้ความสำคัญในการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มดังกล่าว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมากระแสะข่าวธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือบางรายไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มนี้เลย จนทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
“ไม่ว่าจะปีไหนๆ ธนาคารก็ยังยืนยันว่าเน้นปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ SME โดยในปี 52 ที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการอสังหาฯ กลุ่มนี้ถึง 70 โครงการ วงเงินกู้ประมาณ 10,000 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 15,176 ล้านบาท ขยายตัว 9.8% จากปี 51 ซึ่งในปีนี้ก็ยังให้ความสำคัญในการปล่อยกู้กลุ่ม SMEs เช่นเดิม อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและแก้ปัญหาของลูกค้าสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้” นายธวัชไชยกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและในไตรมาส 1 แนวโน้มตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยพิจารณาได้จากยอดขายรถยนต์ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมามีจำนวนสูงมาก ซึ่งโดยทั่วไปยอดขายบ้านจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายบ้าน นอกจากนี้ผู้ประกอบการ SMEs ยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ด้วยการเปิดโครงการใหม่ๆ หลังจากที่ชะลอตัวไปในปี 52
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของธนาคารสามารถขายบ้านได้สูงขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 3,000-4,000 ยูนิต อีกทั้งยอดหนี้เสีย หรือ NPL กลุ่มธุรกิจอสังหาฯยังปรับลดลงจาก 7.15% มาอยู่ที่ระดับ 5.64% เมื่อสิ้นปี 52 และยังสะท้อนมายังกำไรที่มีสูงถึง 2,200 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ไม่นับรวมกับวงเงินที่ธนาคารนำได้ตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มจำนวน 700 ล้านบาทอีกด้วย
ส่วนกรณีที่ผู้บริโภคไม่ให้ความไว้วางใจผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก แล้วหันไปซื้อบ้านจากผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น ถือว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด เนื่องจากผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีจำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และยังได้รับสินเชื่อจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง และยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคเช่นเดิม
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 28 มีนาคมนี้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อบ้านเพิ่มมากขึ้น พิจารณาได้จากมาตรการลดหย่อนภาษี 3 แสนบาทที่หมดอายุลงเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาทำให้มียอดโอนบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จะทำให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจโอนบ้านเช่นเดียวกัน
“อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการ ก็เชื่อว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เมื่อสินค้าที่เคยลดราคากลับมาขายราคาเดิมคนซื้อก็จะไม่ค่อยอยากซื้อ แต่เชื่อว่าจะเกิดในช่วงสั้น เนื่องจากโดยภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 1 ดีอยู่แล้วซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดฟื้นตัวจากภาวะชะงักงันเร็วขึ้น” นายธวัชไชยกล่าว
ล่าสุดธนาคารได้นำลูกค้าสินเชื่อโครงการ จำนวน 17 โครงการ โดยเป็นที่อยู่อาศัยทุกประเภทมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ Good Living Created By Kiatnakin เพื่อร่วมออกบูธภายในงาน Luxury property Showcase ระหว่างวันที่ 21-31 มกราคมนี้ ณ สยามพารากอน
ทั้งนี้โครงการที่นำมาร่วมภายในงานเป็นโครงการบ้านพร้อมอยู่ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ทั้งในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและจังหวัดท่องเที่ยว มาลดราคาพิเศษ เช่น อรุณพัฒน์ พระราม 3 ลดสูงสุดกว่า 2 ล้านบาทพร้อมโปรโมชั่นต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่สนใจจองซื้อภายในงานภายใต้แคมเปญ “Good Prices Good Offers Good Bonus” เพื่อกระตุ้นยอดขายให้แก่ลูกค้าก่อนสิ้นมาตรการลดหย่อนภาษี นอกจากธนาคารยังเตรียมสินเชื่อเคหะให้แก่ผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการของลูกค้าธนาคารอีกด้วย
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารเตรียมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ว่าธนาคารยังให้ความสำคัญในการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มดังกล่าว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมากระแสะข่าวธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือบางรายไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มนี้เลย จนทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
“ไม่ว่าจะปีไหนๆ ธนาคารก็ยังยืนยันว่าเน้นปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ SME โดยในปี 52 ที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการอสังหาฯ กลุ่มนี้ถึง 70 โครงการ วงเงินกู้ประมาณ 10,000 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 15,176 ล้านบาท ขยายตัว 9.8% จากปี 51 ซึ่งในปีนี้ก็ยังให้ความสำคัญในการปล่อยกู้กลุ่ม SMEs เช่นเดิม อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและแก้ปัญหาของลูกค้าสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้” นายธวัชไชยกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและในไตรมาส 1 แนวโน้มตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยพิจารณาได้จากยอดขายรถยนต์ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมามีจำนวนสูงมาก ซึ่งโดยทั่วไปยอดขายบ้านจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายบ้าน นอกจากนี้ผู้ประกอบการ SMEs ยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ด้วยการเปิดโครงการใหม่ๆ หลังจากที่ชะลอตัวไปในปี 52
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของธนาคารสามารถขายบ้านได้สูงขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 3,000-4,000 ยูนิต อีกทั้งยอดหนี้เสีย หรือ NPL กลุ่มธุรกิจอสังหาฯยังปรับลดลงจาก 7.15% มาอยู่ที่ระดับ 5.64% เมื่อสิ้นปี 52 และยังสะท้อนมายังกำไรที่มีสูงถึง 2,200 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ไม่นับรวมกับวงเงินที่ธนาคารนำได้ตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มจำนวน 700 ล้านบาทอีกด้วย
ส่วนกรณีที่ผู้บริโภคไม่ให้ความไว้วางใจผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก แล้วหันไปซื้อบ้านจากผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น ถือว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด เนื่องจากผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีจำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และยังได้รับสินเชื่อจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง และยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคเช่นเดิม
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 28 มีนาคมนี้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อบ้านเพิ่มมากขึ้น พิจารณาได้จากมาตรการลดหย่อนภาษี 3 แสนบาทที่หมดอายุลงเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาทำให้มียอดโอนบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จะทำให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจโอนบ้านเช่นเดียวกัน
“อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการ ก็เชื่อว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เมื่อสินค้าที่เคยลดราคากลับมาขายราคาเดิมคนซื้อก็จะไม่ค่อยอยากซื้อ แต่เชื่อว่าจะเกิดในช่วงสั้น เนื่องจากโดยภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 1 ดีอยู่แล้วซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดฟื้นตัวจากภาวะชะงักงันเร็วขึ้น” นายธวัชไชยกล่าว
ล่าสุดธนาคารได้นำลูกค้าสินเชื่อโครงการ จำนวน 17 โครงการ โดยเป็นที่อยู่อาศัยทุกประเภทมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ Good Living Created By Kiatnakin เพื่อร่วมออกบูธภายในงาน Luxury property Showcase ระหว่างวันที่ 21-31 มกราคมนี้ ณ สยามพารากอน
ทั้งนี้โครงการที่นำมาร่วมภายในงานเป็นโครงการบ้านพร้อมอยู่ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ทั้งในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและจังหวัดท่องเที่ยว มาลดราคาพิเศษ เช่น อรุณพัฒน์ พระราม 3 ลดสูงสุดกว่า 2 ล้านบาทพร้อมโปรโมชั่นต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่สนใจจองซื้อภายในงานภายใต้แคมเปญ “Good Prices Good Offers Good Bonus” เพื่อกระตุ้นยอดขายให้แก่ลูกค้าก่อนสิ้นมาตรการลดหย่อนภาษี นอกจากธนาคารยังเตรียมสินเชื่อเคหะให้แก่ผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการของลูกค้าธนาคารอีกด้วย