เอเจนซี่ฯ จี้รัฐบาลชัดเจนต่อมาตรการอสังหาฯ เร่งแจงประชาชนผู้ซื้อบ้าน แนะต้องให้ประโยชน์ประชาชนทุกกลุ่มที่ซื้อบ้านหลังแรก ไม่เน้นเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อบ้านใหม่ เหตุเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการบ้านใหม่ ชี้หากเน้นเฉพาะบ้านใหม่ เอื้อประโยชน์เฉพาะผู้ประกอบการโครงการใหม่
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน ได้พยายามออกมากระตุ้นให้รัฐบาลต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ หวั่นบ้านแพงขึ้น 8% หากรัฐไม่ต่ออายุมาตรการฯ โดยสาระสำคัญของมาตรการคือ อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ จากเดิมที่กำหนดไว้อัตรา 3% เป็นอัตรา 0.1% สำหรับรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากกิจการขายอสังหาฯที่ได้กระทำภายใน 1 ปี นับจากวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ
นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงมหาดไทยลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯและห้องชุด โดยให้เรียกเก็บ 0.01% สำหรับกรณีสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นที่ดิน อาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดิน นอกจากนี้ ยังรวมถึงประเภทอาคารสำนักงานให้เรียกเก็บ0.01% โดยอาคารที่เข้าข่ายต้องได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างหรือใบรับแจ้งการก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีข้างต้นที่ประกาศในปี 2551 นั้น ในปี 2552 ที่รัฐบาลได้ดำเนินการต่ออายุมาตรการ 0.01% อย่างเงียบเชียบ มาตรการดังกล่าวหมดอายุไปเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มี.ค.52 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงมีผลจริงถึงเพียงวันศุกร์ที่ 27 มี.ค. 2552 ต่อมามีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว ซึ่งลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงวันพฤหัสบดีที่ 26 มี.ค. 2552 และกรมที่ดินก็มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแจ้งเรื่องดังกล่าวในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันก่อนหมดกำหนดมาตรการดังกล่าวเพียงวันเดียว
อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค. 52 ซึ่งผ่านพ้นช่วงหมดอายุไปแล้ว ดังนั้น การประกาศมาตรการเชื่องช้านี้ จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการเร่งให้ลูกค้าโอนบ้านให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ถือว่าไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นคนซื้อบ้าน บางรายอาจต้องรีบหาเงินไปโอนซื้อบ้านโดยการกู้นอกระบบหรืออื่นใด ทำให้เป็นผลเสียต่อตนเองในภายหลัง ดังนั้น รัฐบาลต้องยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
สำหรับ ข้อสังเกตสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ มาตรการนี้เอื้อประโยชน์สำหรับผู้ซื้อบ้านจัดสรร อาคารชุดและอาคารสำนักงานเป็นสำคัญ จึงเท่ากับเน้นการซื้อขายทรัพย์สินที่เป็นบ้านมือหนึ่งของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินเป็นสำคัญ ในต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา จะเน้นลดภาษีให้แก่ประชาชนที่ซื้อบ้านหลังแรก ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ต่อการซื้อบ้านมือหนึ่ง ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเป็นสำคัญ
ดังนั้นหากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษี ก็ควรพิจารณาให้ครอบคลุมการซื้อขายอสังหาฯทั่วไป ที่ประชาชนที่มีบ้านอยู่แล้วอาจจำเป็นต้องขายเพื่อการลงทุน การใช้หนี้หรืออื่นใด ไม่ใช่เอื้อประโยชน์เฉพาะการซื้อขายบ้านมือหนึ่ง รวมทั้งควรจะประกาศให้แน่ชัดและเป็นที่รับทราบกันอย่างกว้างขวางโดยเร็ว ก่อนหมดอายุมาตรการ
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน ได้พยายามออกมากระตุ้นให้รัฐบาลต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ หวั่นบ้านแพงขึ้น 8% หากรัฐไม่ต่ออายุมาตรการฯ โดยสาระสำคัญของมาตรการคือ อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ จากเดิมที่กำหนดไว้อัตรา 3% เป็นอัตรา 0.1% สำหรับรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากกิจการขายอสังหาฯที่ได้กระทำภายใน 1 ปี นับจากวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ
นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงมหาดไทยลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯและห้องชุด โดยให้เรียกเก็บ 0.01% สำหรับกรณีสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นที่ดิน อาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดิน นอกจากนี้ ยังรวมถึงประเภทอาคารสำนักงานให้เรียกเก็บ0.01% โดยอาคารที่เข้าข่ายต้องได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างหรือใบรับแจ้งการก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีข้างต้นที่ประกาศในปี 2551 นั้น ในปี 2552 ที่รัฐบาลได้ดำเนินการต่ออายุมาตรการ 0.01% อย่างเงียบเชียบ มาตรการดังกล่าวหมดอายุไปเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มี.ค.52 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงมีผลจริงถึงเพียงวันศุกร์ที่ 27 มี.ค. 2552 ต่อมามีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว ซึ่งลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงวันพฤหัสบดีที่ 26 มี.ค. 2552 และกรมที่ดินก็มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแจ้งเรื่องดังกล่าวในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันก่อนหมดกำหนดมาตรการดังกล่าวเพียงวันเดียว
อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค. 52 ซึ่งผ่านพ้นช่วงหมดอายุไปแล้ว ดังนั้น การประกาศมาตรการเชื่องช้านี้ จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการเร่งให้ลูกค้าโอนบ้านให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ถือว่าไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นคนซื้อบ้าน บางรายอาจต้องรีบหาเงินไปโอนซื้อบ้านโดยการกู้นอกระบบหรืออื่นใด ทำให้เป็นผลเสียต่อตนเองในภายหลัง ดังนั้น รัฐบาลต้องยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
สำหรับ ข้อสังเกตสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ มาตรการนี้เอื้อประโยชน์สำหรับผู้ซื้อบ้านจัดสรร อาคารชุดและอาคารสำนักงานเป็นสำคัญ จึงเท่ากับเน้นการซื้อขายทรัพย์สินที่เป็นบ้านมือหนึ่งของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินเป็นสำคัญ ในต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา จะเน้นลดภาษีให้แก่ประชาชนที่ซื้อบ้านหลังแรก ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ต่อการซื้อบ้านมือหนึ่ง ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเป็นสำคัญ
ดังนั้นหากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษี ก็ควรพิจารณาให้ครอบคลุมการซื้อขายอสังหาฯทั่วไป ที่ประชาชนที่มีบ้านอยู่แล้วอาจจำเป็นต้องขายเพื่อการลงทุน การใช้หนี้หรืออื่นใด ไม่ใช่เอื้อประโยชน์เฉพาะการซื้อขายบ้านมือหนึ่ง รวมทั้งควรจะประกาศให้แน่ชัดและเป็นที่รับทราบกันอย่างกว้างขวางโดยเร็ว ก่อนหมดอายุมาตรการ
