xs
xsm
sm
md
lg

เลขาฯ บีโอไอ ทึ่ง! ปรากฎการณ์ลงทุนปี 52 สูงสุดรอบ 40 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยอดคำขอรับส่งเสริมลงทุนปี 52 สูงสุดในรอบ 40 ปี "เลขาฯ บีโอไอ" เผยเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่ก่อตั้ง สนง. ชี้ 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ตบเท้าเข้าขอลงทุนต่อ เพราะนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่น

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนปี 2552 โดยระบุว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่มีการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 40 ปี

"ความสนใจเข้ามาลงทุนในปี 52 กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจโลกเพิ่งฟื้นตัว และประเทศไทยอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหามาบตาพุด แต่คำขอรับส่งเสริมการลงทุนกลับมีมูลค่าเงินลงทุนสูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี โดยเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนตามนโยบายปีแห่งการลงทุน ซึ่งหมดอายุลงเมื่อสิ้นปี 52"

ทั้งนี้ จากการรวบรวมสถิติคำขอรับการส่งเสริมฯ ล่าสุดพบว่า มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 1,573 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 723,400 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีปัจจัยดีๆ ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงแก้ไขปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดก็ตาม

นางอรรชกา กล่าวว่า การที่มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการพิเศษกระตุ้นการลงทุนตามนโยบายปีแห่งการลงทุน พ.ศ. 2551–2552 ที่ให้สิทธิประโยชน์เป็นพิเศษแก่กิจการใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม มีกำหนดสิ้นสุดลงในปี 2552 จึงทำให้โครงการลงทุนจำนวนมากยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาในช่วงปลายปี ส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ขอรับส่งเสริมในปี 2552 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนช่วงต้นปีที่ 400,000 ล้านบาท ถึง 323,400 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 80

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค 709 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 430,800 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ต้องการลงทุนในด้านพลังงานทดแทน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ รองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 219 โครงการ มูลค่า 100,900 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีความสนใจจะลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ด ดิสก์ไดรฟ์ กิจการผลิตแผงวงจรรวม กิจการผลิตชิ้นส่วนกล้องดิจิตอล กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ และกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น

ส่วนอันดับ 3 อุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร 212 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 66,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีความสนใจจะลงทุนในกิจการผลิตพลังงานทดแทนจากพืช เช่น เอทานอลและไบโอดีเซล กิจการผลิตอาหารสำเร็จรูป และอาหารแปรรูป และอันดับ 4 อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน เครื่องจักร และโลหะ 217 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 55,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีความสนใจจะลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ทั่วไปและชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ

เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวเสริมว่า โครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในปีที่ผ่านมามีโครงการขนาดใหญ่มูลค่าเงินลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท ถึง 106 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนถึง 460,300 ล้านบาท แต่กิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุดเป็นกิจการขนาดกลางมูลค่าระหว่าง 20-200 ล้านบาท จำนวน 689 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 52,600 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น