บิ๊ก ปตท.โต้ข่าวเจรจาประนอมหนี้ หลังโครงการมาบตาพุดถูกสั่งระงับ ยืนยัน สถานะการเงินแข็งแกร่ง ยังไม่ต้องถึงขั้นเจรจากับเจ้าหนี้แต่อย่างใด "ประเสริฐ" แจงโครงการที่ถูกสั่งระงับเป็นส่วนต่อขยายทำให้ไม่ส่งผลกระทบรุนแรง ขณะที่โครงการเดิมที่มีอยู่ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมยอมรับ การชะลอ 18 โครงการ ออกไป 1 ปี กระทบต้นทุนการเงิน-กำไรสุทธิ 5% แตะหากนานกว่านั้น ก็จะเพิ่มในอัตราเร่งเท่าตัว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่กลุ่ม ปตท. ขาดสภาพคล่องหนัก หลังถูกคำสั่งระงับโครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จนต้องมีการเจรจาประนอมหนี้เพื่อขอชะลอเงินกู้ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ ปตท.ยังไม่มีการเจรจากับเจ้าหนี้แต่อย่างใด พร้อมมั่นใจว่า สถานะทางการเงินของกลุ่ม ปตท.ยังแข็งแกร่งเช่นเดิม เนื่องจากโครงการที่ถูกสั่งระงับเป็นส่วนต่อขยายทำให้ไม่ส่งผลกระทบรุนแรง ขณะที่โครงการเดิมที่มีอยู่ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้
"ผมยืนยันว่า ปตท. เป็นบริษัทจดทะเบียนใหญ่ที่สุดในประเทศ และบริษัทในเครือยังมีฐานะมั่นคง เราไม่มีปัญหาแน่ และไม่เคยเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้ เพื่อยืดระยะเวลาชำระหนี้หรือการเบิกจ่ายวงเงินกู้แต่อย่างใด เพราะยังมีฐานะการเงินที่เข้มแข็ง"
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า หากโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดอีก 18 โครงการล่าช้าไป 1 ปีจะกระทบต่อต้นทุนทางการเงิน และกำไรสุทธิของ ปตท.ประมาณ 5% แต่หากล่าช้าไป 1 ปีครึ่ง จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิประมาณ 10%
นายประเสริฐ กล่าวเสริมว่า การชะลอโครงการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เช่น การชะลอโรงแยกก๊าซอาจทำให้ต้นทุนก๊าซหุงต้ม (LPG) สูงขึ้น เนื่องจากต้องนำเข้าจากต่างประเทศ