นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.ได้ยื่นขอผ่อนผันคุ้มครองชั่วคราว ระงับการลงทุนโครงการในพื้นที่มาบตาพุดต่อศาลปกครองกลางแล้ว 5 โครงการ จากทั้งหมด 18 โครงการที่ถูกระงับ ส่วนอีก 13 โครงการที่เหลือ ปตท.อยู่ระหว่างพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อยื่นขอต่อศาลต่อไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลว่า ได้ให้การผ่อนผันหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า ปตท.ยังไม่มีการเจรจากับสถาบันการเงินในการผ่อนผันชำระเงินกู้ และยังคงอยู่ในสถานะการเงินแข็งแรงดีอยู่ ที่สำคัญโครงการหลักของ ปตท.ที่ชะลอนั้นมีเพียงโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 เท่านั้น ส่วนโครงการที่เหลือเป็นโครงการส่วนต่อขยายที่ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัท แต่อาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัท
นายประเสริฐ ย้ำว่า หาก 18 โครงการที่ถูกระงับการลงทุนต้องชะลอการก่อสร้างออกไป 1 ปี จะส่งผลกระทบให้ผลกำไรของบริษัท ในปี 2553 ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหากโครงการต้องชะลอออกไปเป็นเวลา 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่งจะกระทบผลกำไรในปี 2554 ลดลงร้อยละ 10 โดยขณะนี้ ปตท.มีแผนรองรับไว้แล้ว หากโครงการต้องชะลอออกไปภายใต้สมมติฐาน 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง
นายประเสริฐ ย้ำว่า หาก 18 โครงการที่ถูกระงับการลงทุนต้องชะลอการก่อสร้างออกไป 1 ปี จะส่งผลกระทบให้ผลกำไรของบริษัท ในปี 2553 ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหากโครงการต้องชะลอออกไปเป็นเวลา 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่งจะกระทบผลกำไรในปี 2554 ลดลงร้อยละ 10 โดยขณะนี้ ปตท.มีแผนรองรับไว้แล้ว หากโครงการต้องชะลอออกไปภายใต้สมมติฐาน 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง