ระยองเพียวฯ เชื่อเจรจาข้อพิพาทซื้อขายวัตถุดิบ หลัง ปตท.ยกเลิกสัญญาหน้าตาเฉย คาดจบใน 6 เดือน ชี้ สัญญาดังกล่าวไม่สามารถยกเลิกได้ และบริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานมูลค่าพันล้านบาท
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC กล่าวว่า กรณีที่บริษัทยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการ เพื่อหาข้อสรุปกรณีที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบ คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยอนุญาโตฯ ชี้ขาดภายใน 3 เดือน และเจรจากับ ปตท.อีก 3 เดือน
นายศุภพงศ์ กล่าวว่า การยื่นอนุญาโตฯ ตัดสินกรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นการฟ้องร้อง เพียงแต่ต้องการหาคนกลางมาชี้ขาดสัญญาที่มองต่างกัน เพราะ RPC มองว่าสัญญานี้ไม่สามารถยกเลิกได้ และบริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานมูลค่าพันล้านบาท เพื่อรองรับวัตถุดิบคอนเดนเสทฯ แล้ว โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 17,000บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีแนวคิดว่าจะขายโรงงานหรือรวมกิจการกับใคร และยังมั่นใจว่าบริษัทจะได้ต่อสัญญากับ ปตท. เพราะในสัญญาระบุไว้ว่า เป็นลักษณะ Evergreen คือไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด โดยเชื่อว่าเรื่องนี้จะไกล่เกลี่ยได้ เพราะ ปตท.มีกิจการขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของบริษัทเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของ ปตท.เท่านั้น
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวอีกว่า กำไรในปี 2553 จะเข้าสู่ภาวะปกติประมาณ 400 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไร 320 ล้านบาท ขณะเดียวกันรายได้ในปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 16,000 -17,000 ล้านบาท บนสมมติฐานราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้ 11,000 ล้านบาท โดยราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นของบริษัทอยู่ที่กว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่าปีหน้าบริษัทจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 12,000 บาร์เรลต่อวัน จากปีนี้ที่ผลิตที่ 11,000 บาร์เรลต่อวัน
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC กล่าวว่า กรณีที่บริษัทยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการ เพื่อหาข้อสรุปกรณีที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบ คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยอนุญาโตฯ ชี้ขาดภายใน 3 เดือน และเจรจากับ ปตท.อีก 3 เดือน
นายศุภพงศ์ กล่าวว่า การยื่นอนุญาโตฯ ตัดสินกรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นการฟ้องร้อง เพียงแต่ต้องการหาคนกลางมาชี้ขาดสัญญาที่มองต่างกัน เพราะ RPC มองว่าสัญญานี้ไม่สามารถยกเลิกได้ และบริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานมูลค่าพันล้านบาท เพื่อรองรับวัตถุดิบคอนเดนเสทฯ แล้ว โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 17,000บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีแนวคิดว่าจะขายโรงงานหรือรวมกิจการกับใคร และยังมั่นใจว่าบริษัทจะได้ต่อสัญญากับ ปตท. เพราะในสัญญาระบุไว้ว่า เป็นลักษณะ Evergreen คือไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด โดยเชื่อว่าเรื่องนี้จะไกล่เกลี่ยได้ เพราะ ปตท.มีกิจการขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของบริษัทเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของ ปตท.เท่านั้น
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวอีกว่า กำไรในปี 2553 จะเข้าสู่ภาวะปกติประมาณ 400 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไร 320 ล้านบาท ขณะเดียวกันรายได้ในปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 16,000 -17,000 ล้านบาท บนสมมติฐานราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้ 11,000 ล้านบาท โดยราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นของบริษัทอยู่ที่กว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่าปีหน้าบริษัทจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 12,000 บาร์เรลต่อวัน จากปีนี้ที่ผลิตที่ 11,000 บาร์เรลต่อวัน
