xs
xsm
sm
md
lg

โพล ชี้ เกษตรกรพอใจนโยบายประกันรายได้-แก้หนี้นอกระบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม.หอการค้า เผยผลสำรวจเกษตรกรไทย 42.9% พอใจนโยบายประกันรายได้เกษตรกร และแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยต้องการให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขให้เห็นเป็นรูปธรรม ขณะที่ 47.9% ยังไม่ทราบผลกระทบเปิดเสรีสินค้าเกษตร 1 ม.ค.53




นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจทัศนคติต่อนโยบายการประกันรายได้เกษตรกร และการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ จากเกษตรกร 2,018 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-15 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา โดยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่พอใจการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและนโยบายประกันรายได้ของเกษตรกร และอยากให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขให้เห็นเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ผลสำรวจร้อยละ 35.3 ระบุว่า การที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จะเป็นประโยชน์ในการลดดอกเบี้ยจ่ายและมีเงินเหลือเก็บ ขณะที่ร้อยละ 14.6 มองว่า จะลดภาระดอกเบี้ยสูง ทำให้ซื้อของเพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.3 เห็นว่า ไม่มีภาระดอกเบี้ยสูง ทำให้มีเงินเหลือลงทุนเพิ่มและลดปัญหาอาชญากรรมจากการทวงหนี้ร้อยละ 25.3

สำหรับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลต้องดำเนินโครงการหนี้นอกระบบให้สำเร็จ คือ มีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สำรวจความจริง ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและประสบปัญหาจริง สร้างงาน สร้างรายได้ และจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อีกทั้งควรเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง การขูดรีด จากเจ้าหนี้นอกระบบ แหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือเงินกู้สำหรับผู้มีรายได้น้อย แก้ไขปัญหาความยากจน และความขัดแย้งทางการเมือง

ส่วนการประกันราคาสินค้าเกษตรต่างๆ นั้น เกษตรกรส่วนใหญ่มองว่าพึ่งพอใจมากถึงร้อยละ 42.9 ขณะที่ยังพึงพอใจโครงการรับจำนำร้อยละ 22.8 และอยากให้รัฐบาลดำเนินโครงการจำนำและประกันควบคู่กันถึงร้อยละ 34.3 เพราะการประกันรายได้เกษตรกรจะได้รับเงินอย่างทั่วถึง แต่อยากให้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังสอบถามทัศนคติเกี่ยวกับแนวทางการเปิดเสรีภายใต้กรอบอาเซียนปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรเหลือร้อยละ 0 ในวันที่ 1 มกราคม 2553 โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเรื่องดังกล่าวถึงร้อยละ 32.0 แต่มองว่าจะได้รับผลกระทบถึงร้อยละ 52.1 ขณะที่ไม่มีผลกระทบร้อยละ 47.9 เนื่องจากเกษตรกรไม่ทราบข่าวสารและมองว่าผลผลิตของตนมีน้อย ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกร เพื่อรับมือกับการเปิดเสรีทางการค้าในอนาคต

นายธนวรรธน์ กล่าวถึงภาพรวมสินค้าเกษตรปี 2552 โดยระบุว่า มีสัดส่วนลดลงถึงร้อยละ 20 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง แต่ปี 2553 มีสัญญาณสินค้าเกษตรหลายชนิดในตลาดโลกจะปรับตัวดีขึ้น ทำให้สินค้าเกษตรจะเป็นบวกและขยายตัวถึงร้อยละ 10-15 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ในภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 3 และการที่รัฐบาลใช้นโยบายประกันรายได้ ส่งผลให้เกษตรกรส่วนใหญ่ปรับปรุงคุณภาพสินค้าเพื่อให้ขายสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเกษตรกรพึงพอใจต่อนโยบายประกันราคา

ส่วนปัญหาหนี้นอกระบบ พบว่า เกษตรกรที่มีหนี้นอกระบบมากขึ้นจากการลงทุน เช่น ค่าปุ๋ย หรืออื่นๆ มีราคาสูง จึงต้องการให้รัฐบาลลดต้นทุนให้ นอกจากนี้ มองว่าปีหน้าปัญหาด้านแรงงานภาคการเกษตรจะเกิดขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งติดตาม

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยน่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบต้นปี 2553 จนถึงกลางปีจะอยู่ที่ 80-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และอาจจะสูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลภายในสิ้นปี 2553
กำลังโหลดความคิดเห็น