xs
xsm
sm
md
lg

SCCลงนามลุยปิโตรฯในเวียดนาม คาดรายละเอียดชัดเจนกลางปี53

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปูนซิเมนต์ไทย ลงนามข้อตกลงกับ Qatar Petroleum International เพื่อร่วมลงทุนก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี มูลค่า 3,500-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เผยขณะนี้อยู่ระหว่างหาแหล่งเงินทุน คาดรายละเอียดชัดเจนกลางปี 53

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งว่าบริษัทลงนามในกรอบ
ความตกลง (Framework Agreement) กับ Qatar Petroleum International (QPI) เพื่อร่วมลงทุนก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีในทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม โดยมีผู้ร่วมลงทุนจากประเทศเวียดนามได้ แก่ Petrovietnam กับ Vinachem สัดส่วน 29% และ 71% ที่เหลือจะเป็นผู้ร่วมทุนอื่นประกอบด้วย SCC QPI และบริษัทการค้าต่างประเทศ ซึ่ง QPI นั้นจะสามารถจัดหาวัตถุดิบที่จะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับโครงการได้

สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการนั้นจะทราบผลประมาณกลางปี 2553 ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินหาแหล่งเงินทุนของโครงการ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของโครงการปิโตรเคมีและสถานการณ์ตลาดการเงินในต่างประเทศ

ทั้งนี้ โครงการปิโตรเคมีนี้มีมูลค่าประมาณ 3,500-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะผลิตผลิตภัณฑ์หลักๆ ได้แก่ 1) โอเลฟินส์กำลังการผลิต 1.4 ล้านตันต่อปีที่มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบระหว่างแก๊ส (Ethane และ LPG) และแนฟทา 2) ผลิตภัณฑ์ Downstream (HDPE 400,000 ตันต่อปีPP 450,000 ตันต่อปี และ LLDPE 400,000 ตันต่อปี) และ 3) ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับ PVC คือChlor-Alkali EDC และ VCM นอกจากนี้ยังรวมถึงการก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น ท่าเรือ คลังสินค้าและโรงไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและทันสมัย โดยมีมาตรฐานด้านสุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมระดับสากล

ปัจจุบันประเทศเวียดนามมีประชากรประมาณ 86 ล้านคนและมีความต้องการใช้พลาสติก ( PE, PP, PVC และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง ) รวมกันประมาณ 1.3 ล้านตันต่อปี ซึ่งถือว่าตลาดในประเทศเวียดนามมีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างยิ่ง โดยมีอัตราการใช้พลาสติกต่อคนค่อนข้างต่ำคือประมาณ 25 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ( เปรียบเทียบกับการอัตราการใช้พลาสติ กของประเทศตะวันตก ซึ่งอยู่ ที่ 100กิโลกรัมต่อคนต่อปี )

โดยโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่ที่เกาะ Long Son ในจังหวัด Ba Ria - Vung Tau ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม โดยจะอยู่ติดกับโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 3 ของประเทศเวียดนามเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในการปฏิบัติงาน และอยู่ ใกล้กับตลาดเวียดนามทางตอนใต้ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญ (เพียง 100 กิโ ลเมตรจากโฮจิมินห์ซิตี้ ) นอกจากนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ ร่วมกันกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญของเวียดนามหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค และอลูมิเนียม ซึ่งจะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเวียดนามมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น