สรรพสามิตร เตรียมแผนช่วยผู้ประกอบการน้ำเมาในประเทศ หลังเปิดเสรีการค้าอาเซียน 1 ม.ค.53 ซึ่งจะลดภาษีน้ำเมานำเข้าเหลือ 0% และอาจกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เตรียมจัดตั้งศูนย์ศึกษาภาษี หวังสร้างระบบเทียบมาตรฐานสากล เพื่อนำไปสู่ระบบภาษีสรรพสามิตที่ดีที่สุด
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เปิดเผยภายในงานสัมมนาเชิงปฎิบัติการกับหน่วยงานต่างประเทศเพื่อพัฒนาการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสุรา โดยระบุว่า กรมสรรพสามิตรมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้ทันสมัยและมีมาตรฐานตามหลักสากล
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากประเทศต่างๆ อาทิ มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการสุราไทยที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการจัดเก็บภาษีตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนให้เหลือ 0% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตรจะดำเนินการหาแนวทางโดยการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสุรา และแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากการยกเว้นภาษีนำเข้าดังกล่าวเพราะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภายในประเทศที่จะทำให้รายได้ลดลง โดยจะเสนอให้กับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ภายในเดือนธันวาคม 2552
"การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสุรา กรมมีรายได้จากการจัดเก็บจากส่วนดังกล่าวประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของการจัดเก็บภาษีรวม โดยเราจะหาแนวทางเพื่อให้มีความสอดคล้องจากการจัดเก็บภาษีที่ลดลงจากการยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าให้เหลือ 0% โดยจะไม่ให้กระทบต่อรายได้ของรัฐ"
อย่างไรก็ตาม กรมจะเน้นหาแนวทางเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยว่า จะส่งผลกระทบอย่างไร หากราคาสุรานำเข้าปรับตัวลดลง และมีราคาใกล้เคียงกับสุราในประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการคงต้องเร่งปรับตัว และพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด
อธิบดีกรมสรรพสามิต ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำแผนแม่บทภาษีสรรพสามิต (Excise Tax Reform Master Plan) เพื่อสร้างกรอบการบริหารงานภาษีสรรพสามิต โดยระบุว่า กรมสรรพสามิตร คำนึงถึงการสร้างความเป็นกลางให้แก่ระบบภาษีและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของผู้ประกอบการ โดยได้จัดตั้งศูนย์ศึกษาภาษีสรรพสามิตและศุลกากร (The Center of Excise and Customs Studies: CECS) ทำหน้าที่ในการศึกษาเปรียบเทียบระบบบริหารการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ รวมถึงศึกษาระบบภาษีสรรพสามิตที่เป็นเลิศ และศึกษากรอบนโยบายภาษีสรรพสามิตตามกฎ กติกาอันเป็นมาตรฐานสากล
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมถึงการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการกับหน่วยงานต่างประเทศ ทั้งกรมสรรพสามิต ศูนย์ศึกษาภาษีศุลกากรและสรรพสามิต มหาวิทยาลัยแคนเบอร์ร่า ศูนย์ภาษีและการลงทุนระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีสรรพสามิตจากประเทศมาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สหภาพยุโรปสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสุรา โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้ทันสมัย และมีมาตรฐานตามหลักสากล ด้วยการศึกษาเปรียบเทียบระบบบริหารการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ เพื่อนำไปสู่ระบบภาษีสรรพสามิตที่ดีที่สุด (Best Practices) จึงจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงานจัดเก็บภาษีสรรพสามิตด้วยกัน รวมถึงการเชื่อมโยงองค์ความรู้กับผู้เชี่ยวชาญในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต
นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมให้บุคลากรด้านการบริหารภาษีสรรพสามิตเกิดการพัฒนาทักษะและเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานทางด้านภาษีสรรพสามิตจากประเทศต่างๆ ทั้งวิธีการจัดเก็บภาษีสุรา มุมมองของผู้เสียภาษีที่มีต่อโครงสร้างและภาษีสรรพสามิตสุรา กระบวนการถ่ายโอนราคา และผลกระทบของข้อตกลงการค้าเสรี เพื่อสร้างกระบวนทัศน์ใหม่และนำไปปรับปรุงระบบภาษีสรรพสามิตสุราให้เกิดความเป็นธรรม มีความชัดเจน และไม่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ เพื่อนำไปสู่ทิศทางการปรับโครงสร้างภาษีสุราของประเทศให้มีความสอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและทัดเทียมกับนานาประเทศมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านภาษีสำหรับประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 2558