xs
xsm
sm
md
lg

Q3ปี53อสังหาฯหั่นราคาแข่ง เม็ดเงินไทยเข้มแข็งดันจีดีพี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์พยาการณ์เศรษฐกิจฯ ชี้ไตรมาส3ปีหน้าเศรษฐกิจไทยฟื้นชัดเจนหลังเม็ดเงินไทยเข้มแข็งทยอยเข้าระบบ คาดจีดีพีขยายตัวไม่ตำกว่า2-3% เหตุจีน-ญี่ปุ่นแข่งลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ระบุไทยเป้าหมายการลงทุนหลักในภูมิภาค หลังเป็นศูนย์กลางการลงทุนกลุ่มประเทศอินโดจีน หวั่นปัญหาการเมืองอุปสรรค์แนะรัฐเร่งสร้างเสถียรภาพรัฐบาล จับตาน้ำมันแพงแตะ100ดอลลาร์ต่อบาเรลดันเงินเฟ้อพุ่ง ดอกเบี้ยขึ้น0.5-0.75%ต้นไตรมาส2 ระบุบ้านยังแข่งราคาเป็นหลัก



นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในงานเสวนา ทิศทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อธุรกิจอสังหาฯปี 53 จัดโดย บริษัท อีอาร์เอ แฟรนไชส์ (ประเทศไทย) ว่าภาพการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะชัดเจน และมีกิจกรรมการซื้อ-ขายที่ดีในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 โดยเชื่อว่าดีมานด์ในตลาดจะขยายในชาวง 3 ปีข้างหน้าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก วึ่งเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียจะสูงกว่ายุโรป และอเมริกา และส่งผลต่อการขยายตัวของการลงทุนโดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางของอิโดจีน

ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้นและตัวเลขการว่างงานที่ลดลง สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้ว เชื่อว่าเม้ดเงินในโครงการไทยเข้มแข็งทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี53 และการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศเอเชียจะทำให้ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวดีขึ้น นอกจากนี้การขยายการลงทุนของจีนและญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียรวมจะทำให้ทั้งมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นเพราะเป็นศูนย์กลางประเทศในอินดดจีนและจะช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว2-3% ในปีหน้าและมีโอกาสขยายตัวได้สูงถึง 5%

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของประเทศไทยคือ การเมืองที่ยังผันผวนไม่นิ่งได้ และปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่อการเมือง ดังนั้นถ้ารัฐบาลสามารถทำให้การเมืองนิ่ง ทุกอย่างก็จะสามารถเดินต่อไปได้ ส่วนปัญหาโรงงานในมาบตาพุด หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ได้ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศได้

"แนวโน้มการปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้น จากราคาน้ำมันที่จะปรับตัวขึ้นไปถึง100 ดอลลาร์ต่อบาเรลในช่วงครึ่งหลังของปี53 เพราะปริมาณการใช้น้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ราคาวัสดุ จะทำให้ราคาบ้านจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าแรงจะมีการปรับเพิ่มอีก 2-3 บาท ส่วนดอกเบี้ยจะมีการปรับขึ้นอย่างน้อย0 .5-0.75% ในช่วงต้นไตรมาส 2"

สำหรับในตลาดบ้านในไตรมาสแรกของปีหน้าจะยังคงเป็นการแข่งขันด้านราคา เพราะผู้บริโภคยังมีอำนาจต่อรอง แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาสที่ 3 บ้านจะขายได้มากขึ้นในราคาสูงขึ้น ตลาดบ้านระดับบนราคา 5-7 ล้านบาทจะเป็นสินค้าที่ขายดี เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคเจ้าของกิจการ ไม่ได้รับผลกระทบถึงขั้นปิดกิจการ เพียงแต่มีการลดค่าใช้จ่ายเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเริ่มมั่นใจจะใช้เงินมากขึ้น ทำให้ตลาดระดับคาดว่าจะเป้ฯกลุ่มตลาดที่ปรับตัวดี
กำลังโหลดความคิดเห็น