“ประเสริฐ” รับแผนควบรวมกิจการในเครือปตท.สะดุด เสร็จไม่ทันภายในสิ้นเดือนนี้ ระบุต้องลุ้นต่อในเดือนพ.ย.อีกครั้ง โบ้ยคำสั่งศาลสั่งระงับโครงการมาบตาพุดและขั้นตอนการดำเนินการยุ่งยาก พร้อมโอดราคาหุ้นกลุ่มพลังงานไม่วิ่งรับราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาซื้อขายบนกระดานในขณะนี้ หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาหุ้นพลังงานยังทรงตัวอยู่ใกล้เคียงระดับเดิม เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ อาทิ เรื่องที่ศาลปกครองกลางสั่งระงับการลงทุน 76 โครงการที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด การเมืองในประเทศ และเหตุการณ์ไม่แน่นอนต่างๆ กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศ
“ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะปรับตัวเพิ่มมากกว่าระดับนี้ แต่จากการที่มีเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นหลายเรื่องกดดันจึงทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน และจากการที่ราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นเดือนถึงปัจจุบันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ต้นทุนผลิตน้ำมันเพิ่ม 2 บาทต่อลิตรนั้น ซึ่งจะทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ต้นทุนสูงกว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน โดยที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลได้มีการปรับขึ้น 1.20 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิลปรับขึ้น 0.60 บาทต่อลิตรเท่านั้น โดยจะส่งผลให้ผู้ประกอบการน้ำมันจะทยอยการปรับราคาขายน้ำมันเพิ่มขึ้น” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับแผนการควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่มปตท.นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า คงจะไม่เสร็จภายในเดือนนี้ตามแผนเดิมที่คาดการณ์ไว้ โดยจะต้องมีการพิจารณาว่าในเดือนพฤศจิกายนจะเสร็จหรือไม่ โดยสาเหตุที่การควบรวมบริษัทในกลุ่มปตท.ไม่เสร็จในเดือนนี้ เพราะจะต้องมีการหารือกับหลายหน่วยงาน และผู้ถือหุ้นแต่ละบริษัท รวมถึงความไม่แน่นนอนโครงการมาบตาพุดที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งระงับชั่วคราว
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่มปตท. วานนี้ (21 ต.ค.) ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ประกอบด้วย บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 256 บาท ลดลงจากวันก่อน 5 บาท หรือคิดเป็น 1.92% มูลค่าการซื้อขาย 1,305.48 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ราคาปิด 156.50 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 1.88% มูลค่า 2,536.06 ล้านบาท
บมจ.ไออาร์พีซี ราคาปิด 4.08 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 2.86% มูลค่า 459.52 ล้านบาท บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น ราคาปิด 23.90 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 1.24% มูลค่า 439.71 ล้านบาท บมจ. ปตท.เคมิคอล ราคาปิด 68.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.72% มูลค่า 245.36 ล้านบาท บมจ.บางจากปิโตรเลียม ราคาปิด 14 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.41% มูลค่าการซื้อขาย 61.50 ล้านบาท และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ราคาปิด 43.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.69% มูลค่า 293.00 ล้านบาท
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาซื้อขายบนกระดานในขณะนี้ หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาหุ้นพลังงานยังทรงตัวอยู่ใกล้เคียงระดับเดิม เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ อาทิ เรื่องที่ศาลปกครองกลางสั่งระงับการลงทุน 76 โครงการที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด การเมืองในประเทศ และเหตุการณ์ไม่แน่นอนต่างๆ กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศ
“ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะปรับตัวเพิ่มมากกว่าระดับนี้ แต่จากการที่มีเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นหลายเรื่องกดดันจึงทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน และจากการที่ราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นเดือนถึงปัจจุบันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ต้นทุนผลิตน้ำมันเพิ่ม 2 บาทต่อลิตรนั้น ซึ่งจะทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ต้นทุนสูงกว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน โดยที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลได้มีการปรับขึ้น 1.20 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิลปรับขึ้น 0.60 บาทต่อลิตรเท่านั้น โดยจะส่งผลให้ผู้ประกอบการน้ำมันจะทยอยการปรับราคาขายน้ำมันเพิ่มขึ้น” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับแผนการควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่มปตท.นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า คงจะไม่เสร็จภายในเดือนนี้ตามแผนเดิมที่คาดการณ์ไว้ โดยจะต้องมีการพิจารณาว่าในเดือนพฤศจิกายนจะเสร็จหรือไม่ โดยสาเหตุที่การควบรวมบริษัทในกลุ่มปตท.ไม่เสร็จในเดือนนี้ เพราะจะต้องมีการหารือกับหลายหน่วยงาน และผู้ถือหุ้นแต่ละบริษัท รวมถึงความไม่แน่นนอนโครงการมาบตาพุดที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งระงับชั่วคราว
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่มปตท. วานนี้ (21 ต.ค.) ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ประกอบด้วย บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 256 บาท ลดลงจากวันก่อน 5 บาท หรือคิดเป็น 1.92% มูลค่าการซื้อขาย 1,305.48 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ราคาปิด 156.50 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 1.88% มูลค่า 2,536.06 ล้านบาท
บมจ.ไออาร์พีซี ราคาปิด 4.08 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 2.86% มูลค่า 459.52 ล้านบาท บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น ราคาปิด 23.90 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 1.24% มูลค่า 439.71 ล้านบาท บมจ. ปตท.เคมิคอล ราคาปิด 68.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.72% มูลค่า 245.36 ล้านบาท บมจ.บางจากปิโตรเลียม ราคาปิด 14 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.41% มูลค่าการซื้อขาย 61.50 ล้านบาท และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ราคาปิด 43.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.69% มูลค่า 293.00 ล้านบาท