xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทันตลาดทุน:ประเมินผลกระทบจากมาบตาพุดกรณีแย่ที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประเด็นศาลสั่งระงับ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดคาดจะส่งกระทบต่อการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวของ PTT , SCC , PTTCH , PTTAR และ GLOW ซึ่งประเด็นปัญหาดังกล่าวที่คาดว่าจะยังไม่สามารถคลี่คลายได้ในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงมีแนวโน้มกระทบต่อแผนการรวมควบกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีของ PTT ที่อาจต้องล่าช้าออกไป SCRI ประเมินว่าผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องมีแนวโน้มจะ underperform การปรับตัวของตลาดในช่วงต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการทดลองประเมินผลกระทบกรณีแย่ที่สุดที่อิงจากการชะลอโครงการที่เริ่มดำเนินในปี 2553 ไป 1 ปี พบว่าผลกระทบต่อหุ้นบางบริษัท เช่น PTT และ GLOW ไม่ได้มากนัก โดยคาดยังคงมีโอกาสเห็นกำไรปี 2553 ที่เติบโตได้ราว 23%yoy สำหรับ PTT และกำไรปกติที่เติบโตราว 12%yoy สำหรับ GLOW ขณะที่ PTTCH และ PTTAR คาดจะได้รับผลกระทบมากกว่าสำหรับกำไรในระยะสั้นโดยอาจทำให้ปี 2553 ปรับลง เมื่อพิจารณาร่วมกับส่วนลดจากราคาเหมาะสมในปัจจุบัน SCRI ยังคงแนะนำ "ซื้อ" PTT "ซื้ออ่อนตัว" GLOW และยังคงคำแนะนำ "ขายทำกำไร" สำหรับ PTTCH และ PTTAR

ประเด็นศาลสั่งระงับ 76 โครงการในมาบตาพุดจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นที่ได้รับผลกระทบ : จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่เป็นหน่วยงานรัฐ 8 รายสั่งระงับ 76 โครงการในพื้นที่รอบมาบตาพุดเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น แม้ปัจจุบันรัฐบาลจะเตรียมการยื่นอุทธรณ์เพื่อบรรเทาผลกระทบ รวมถึงมีการสอบถามกลับไปยังศาลถึงความชัดเจนในการดำเนินการตามคำสั่ง ทำให้คาดว่ารัฐบาลจะยังชะลอการออกจดหมายสั่งให้มีการหยุดดำเนินการ (ซึ่งรัฐจะมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องจากภาคเอกชน) แต่ประเด็นดังกล่าวถือว่าได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในระยะยาวไปแล้วและคาดยังคงไม่คลี่คลายในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ ความไม่ชัดเจนของระยะเวลาการดำเนินโครงการต่างๆอาจกระทบต่อแผนการรวมควบกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีของ PTT ให้ต้องล่าช้าออกไป โดยทั้งหมดคาดจะเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวอย่าง PTT , SCC , PTTCH , PTTAR และ GLOW ให้ underperform ในระยะต่อไป

SCRI ทดลองประเมินผลกระทบกรณีแย่ที่สุดอิงจากการชะลอโครงการที่จะดำเนินการปี 2553 ไป 1 ปี : พบว่าในระยะสั้นคือปี 2553 โอกาสในการกระทบประมาณการกำไรเดิมสูงสุดเรียงจาก PTTCH (-33%) , PTTAR (-13 ถึง -25%) , PTT(-9%) และ GLOW (-8%) ทั้งนี้ เนื่องจาก PTTCH มีโครงการที่เริ่มดำเนินการในปี 2553 ค่อนข้างมาก หากพิจารณาภาพรวมจะเห็นว่าผลกระทบต่อกำไรของ PTTCH , PTTAR และ PTT ดูจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีในปี 2553 เนื่องจากเป็นช่วงที่โครงการต่างๆจะเริ่มดำเนินการ ขณะที่ GLOW มีผลกระทบระยะยาวจากความไม่แน่นอนของโครงการในระยะยาวที่จะเริ่มในปลายปี 2554 โดยเฉพาะโครงการ Cogen Gas 382 MW ซึ่งสัดส่วนหลักเป็นลูกค้าต่างชาติ ทั้งนี้ หากโครงการนี้มีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญอาจจะกระทบประมาณการกำไรปี 2554 ประมาณ 20% และปี 2555 ประมาณ 35% สำหรับ โครงการ IPP 600 MW ( GLOW ถือหุ้น 65% ) ยังไม่รวมผลกระทบ เนื่องจาก การมี PPA กับ EGAT ทำให้สามารถใช้สิน Force Majeure หากมีปัญหาในการก่อสร้างที่ไม่ใช่ความผิดของ GLOW EGAT จะต้องเป็นผู้ชดเชยความเสียหาย

คงคำแนะนำ "ซื้อ" PTT , ขายทำกำไร "PTTCH" และ "PTTAR" และ "ซื้ออ่อนตัว" GLOW : แม้คาดหุ้นมีแนวโน้ม underperform ในช่วงคดียังไม่จบสิ้น แต่ SCRI ยังคงให้น้ำหนักการ "ซื้อลงทุน" ใน PTT เนื่องจากอิงบนการผลกระทบมากที่สุดต่อกำไรในปี 2553 ยังอยู่ในระดับที่รับได้โดยคาดยังคงมีการเติบโตประมาณ 23%yoy ระดับราคาปัจจุบันมีส่วนลด 20% จากมูลค่าเหมาะสมที่ 325 ซึ่งเพียงพอรองรับความเสี่ยงดังกล่าว PTTCH และ PTTAR ยังคงแนะนำ "ขายทำกำไร" เนื่องจากประเมินว่ากรณีแย่ที่สุดมีโอกาสกระทบต่อกำไรในปี 2553 มากที่สุด โดยกำไรปี 2553 อาจปรับลดลง 16%yoy และ 31%-41% yoy ตามลำดับ ราคาเหมาะสมก่อนผลกระทบที่ 70 บาท และ 25.80 บาท ไม่มี upside สำหรับการลงทุน สำหรับ GLOW เป็นบริษัทที่ระยะสั้นผลกระทบไม่มาก แต่อาจกระทบต่อการเติบโตระยะยาว ซึ่งอาจจะทำให้มีการปรับทบทวนมูลค่าเหมาะสมลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันมีส่วนลด 22% จากราคาเหมาะสมเดิมจะยังรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง แนะนำ "ซื้ออ่อนตัว"
กำลังโหลดความคิดเห็น