xs
xsm
sm
md
lg

เทรดหุ้นนอกลดความเสี่ยง โหมมาร์เก็ตติ้งดึงมาร์เก็ตแชร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.ฟิลลิปฯ สนับสนุนนักลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ หลังพบฝ่ายวิเคราะห์ประเมินให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดหุ้นไทยที่ยังเจอปัจจัยเลี่ยงเพียบ บวกกับกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐฯ ผู้บริหาร มั่นใจปีหน้าลูกค้าเปิดบัญชีครบ 500 บัญชี จากปัจจุบันมีอยุ่ 300 บัญชี ขณะที่เป้ามาร์เกตแชร์ในประเทศอยู่ที่ 5%

นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท ว่า ขณะนี้นักวิเคราะห์ของบริษัทได้แนะนำนักลงทุนให้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นในส่วนการลงทุนผ่านกองทุนลงทุนต่างประเทศ (FIF) และการลงทุนต่างประเทศด้วยการซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศ เนื่องจากตลาดทุนในประเทศยังมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจที่เติบโตช้ากว่าประเทศอื่น จากประเทศไทยยังมีปัจจัยกดดันทางการเมือง การพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและการส่งออกในอัตราที่สูง

จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทจึงเสนอแนะให้เจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) แนะนำลูกค้าให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนซื้อขายหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และมาร์เกตติ้งยังได้รับค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น) ที่สูงประมาณ 0.3-0.5% เช่นกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับตลาดหุ้นของแต่ละประเทศ โดยประเทศที่บริษัทแนะนำให้ไปลงทุน คือ ประเทศสิงคโปร์ อ่องกง และสหรัฐฯ โดยปัจจุบันบริษัทถือเป็นโบรกเกอรไทยรายเดียวที่ให้บริการลูกค้าในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ

สำหรับผลตอบแทนของนักลงทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศนั้น ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนที่ได้เข้าลงทุนในช่วงหลังไตรมาส 3/51 ได้กำไรกว่า 100% แต่หากเข้าไปลงทุนในช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินนักลงทุนอาจจะยังมีผลขาดทุนหรือกำไรบ้างเล็กน้อย โดยประเทศที่นักลงทุนนิยมไปซื้อขายหุ้นในปีนี้ คือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะเป็นตลาดที่ดัชนีมีการแกว่งตัวที่สูง ซึ่งนักลงทุนจะเข้าไปซื้อหุ้นสถาบันการเงินที่ยังแข็งแรงแต่ราคาปรับตัวลดลงไปมาก

นายสุชาย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปี 53 จะมีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศประมาณ 450-500 บัญชี แต่ขึ้นอยู่กับภาวะซึ่งหากตลาดหุ้นไทยทรงตัวแต่ตลาดหุ้นต่างประเทศเคลื่อนไหวหวือหวา การลงทุนต่างประเทศถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนที่ดี จากปัจจุบันบริษัทมีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศแล้วกว่า 300 บัญชี คิดเป็นสินทรัพย์ลูกค้าในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศประมาณ 500 ล้านบาท

“บัญชีการซื้อขายหุ้นต่างประเทศถือว่าเติบโตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมคาดตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีนักลงทุนเปิดบัญชีประมาณ 300 บัญชี โดยปี2551 บริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีจำนวน 150-170 บัญชี

ด้านแผนการดำเนินงานในปี 2552 นั้น บริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ประมาณ 5% เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ 3.5% และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 3% ซึ่งการที่มาร์เกตแชร์ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทได้เพิ่มสินค้าและบริการลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งลงทุนในอนุพันธ์ ซื้อขายกองทุนหุ้น และการลงทุนต่างประเทศ จากที่บริษัทมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือในการเปิดเสรีค่าคอมมิชชัน จึงทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนกับทางบริษัทมากขึ้น ขณะที่มาร์เกตแชร์ซื้อขายหุ้นผ่านอินเทอร์เน็ตของบริษัทเฉลี่ยต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 11% ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 1 บริษัท มีบัญชีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 30,000 บัญชี

ส่วนธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิปฯ จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอจำนวน 2-3 บริษัท มูลค่าการระดมทุนบริษัทละประมาณ 100 ล้านบาท โดยคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

สำหรับการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ คาดว่าอาจจะมีการปรับฐานในช่วงสั้น ซึ่งควรรอดูท่าทีของนักลงทุนสถาบันประกอบด้วย นอกจากนี้ข่าวลือที่ออกมานักลงทุนควรรอดูความชัดเจนและเชื่อว่าทางตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามประกอบด้วยสถานการณ์ทางการเมืองและเม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศ หากค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าคาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น