บลจ.เอวายเอฟ จับจังหวะดัชนีหุ้นหวั่นไหว ส่งกองทุนทาร์เก็ตฟันด์เก็บหุ้นพื้นฐานดี ตั้งเป้าทำกำไร 10% ภายใน 1 ปี ผู้จัดการกองทุนระบุ ในระยะสั้น โอกาสที่ดัชนีจะวิ่งกลับไปที่เดิมมีน้อย เชื่อหากข่าวลือหายไป บวกกับภาพเศรษฐกิจฟื้นจริง ดัชนีวิ่งไปถึง 760-800 จุดได้
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือเอวายเอฟ เปิดเผยว่า บลจ. อยุธยา เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต (KFEQ10) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี ระหว่างวันที่ 21-28 ตุลาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนทาร์เกตฟันด์ ตั้งเป้าผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11.11 บาท คิดเป็น 10% จากราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากเป็นไปตามเป้า กองทุนจะเลิกกองทุนเพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต (KFEQ10) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ด้วยแนวทางการบริหารกองทุนเชิงรุก โดยคัดเลือกหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน (Stock Selection) และเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อาทิเช่น หลักทรัพย์ในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเกษตรและอาหาร
"เราเล็งเห็นว่าภาวะการลงทุน ณ ขณะนี้ เหมาะสมที่จะนำเสนอทางเลือกในการลงทุนในกองทุนหุ้น ด้วยมองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงอยู่ในขาขึ้น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจลงทุน เมื่อเทียบกับการลงทุน ในหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยผู้จัดการกองทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประมาณ 10-15 หลักทรัพย์ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงและเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นแก่นักลงทุนได้"นายฉัตรพีกล่าว
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่า ในช่วงที่ดัชนีมีการปรับตัวลงแรงเช่นนี้ เรามองว่าเป็นโอกาสเหมาะในการจับจังหวะเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถึงแม้ว่าดัชนีจะมีการรีบาวน์กลับขึ้นไปบ้าง แต่ภาวะการลงทุนในลักษณะเช่นนี้ เชื่อว่าโอกาสที่จะกลับขึ้นไปอยู่ระดับเดิมที่เคยขึ้นไปก่อนหน้า จะไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน แต่จะเห็นการเก็งกำไรระยะสั้น ดังนั้น หากยังมีแรงขายอยู่ ต่อเนื่องดัชนีก็จะไม่ปรับขึ้นไปเร็ว
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากข่าวลือที่กระทบบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้หายไป ก็เชื่อว่าของตลาดหุ้นไทยจะกลับไปเหมือนเดิม นั่นคือ การลงทุนตามพื้นฐานของประเทศและตามการฟื้นตัวของเศรษบกิจ ซึ่งไทยเองเป็นตลาดที่น่าสนใจ หากเงินลงทุนจากต่างชาติยังไหลเข้ามาในภูมิภาคเชีย ก็เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจเช่นกัน
"กองทุนนี้จะจับจังหวะการลงทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งหากดัชนีปรับลดลงไปอีกก็เป็นโอกาสดีของกองทุน ในขณะเดียวกันหากดัชนีปรับขึ้นไป ก็แสดงว่าข่าวลือต่างๆ หายไปหมดแล้ว ดังนั้น ก็เป็นโอกาสดีเช่นกัน ซึ่งในระยะ 1 ปีข้างหน้า เราเองเชื่อว่าหากข่าวลือหายไปและภาพรวมเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้จริง ดัชนีก็น่าจะวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 760-800 จุดได้"นายประภาสกล่าว
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือเอวายเอฟ เปิดเผยว่า บลจ. อยุธยา เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต (KFEQ10) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี ระหว่างวันที่ 21-28 ตุลาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนทาร์เกตฟันด์ ตั้งเป้าผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11.11 บาท คิดเป็น 10% จากราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากเป็นไปตามเป้า กองทุนจะเลิกกองทุนเพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต (KFEQ10) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ด้วยแนวทางการบริหารกองทุนเชิงรุก โดยคัดเลือกหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน (Stock Selection) และเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อาทิเช่น หลักทรัพย์ในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเกษตรและอาหาร
"เราเล็งเห็นว่าภาวะการลงทุน ณ ขณะนี้ เหมาะสมที่จะนำเสนอทางเลือกในการลงทุนในกองทุนหุ้น ด้วยมองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงอยู่ในขาขึ้น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจลงทุน เมื่อเทียบกับการลงทุน ในหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยผู้จัดการกองทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประมาณ 10-15 หลักทรัพย์ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงและเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นแก่นักลงทุนได้"นายฉัตรพีกล่าว
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่า ในช่วงที่ดัชนีมีการปรับตัวลงแรงเช่นนี้ เรามองว่าเป็นโอกาสเหมาะในการจับจังหวะเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี ถึงแม้ว่าดัชนีจะมีการรีบาวน์กลับขึ้นไปบ้าง แต่ภาวะการลงทุนในลักษณะเช่นนี้ เชื่อว่าโอกาสที่จะกลับขึ้นไปอยู่ระดับเดิมที่เคยขึ้นไปก่อนหน้า จะไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน แต่จะเห็นการเก็งกำไรระยะสั้น ดังนั้น หากยังมีแรงขายอยู่ ต่อเนื่องดัชนีก็จะไม่ปรับขึ้นไปเร็ว
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากข่าวลือที่กระทบบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้หายไป ก็เชื่อว่าของตลาดหุ้นไทยจะกลับไปเหมือนเดิม นั่นคือ การลงทุนตามพื้นฐานของประเทศและตามการฟื้นตัวของเศรษบกิจ ซึ่งไทยเองเป็นตลาดที่น่าสนใจ หากเงินลงทุนจากต่างชาติยังไหลเข้ามาในภูมิภาคเชีย ก็เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจเช่นกัน
"กองทุนนี้จะจับจังหวะการลงทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งหากดัชนีปรับลดลงไปอีกก็เป็นโอกาสดีของกองทุน ในขณะเดียวกันหากดัชนีปรับขึ้นไป ก็แสดงว่าข่าวลือต่างๆ หายไปหมดแล้ว ดังนั้น ก็เป็นโอกาสดีเช่นกัน ซึ่งในระยะ 1 ปีข้างหน้า เราเองเชื่อว่าหากข่าวลือหายไปและภาพรวมเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้จริง ดัชนีก็น่าจะวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 760-800 จุดได้"นายประภาสกล่าว
