xs
xsm
sm
md
lg

ETF กับ พอร์ตฯ การลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวของกองทุน ETF กองใหม่ที่ใช้ชื่อว่า ThaiDEX FTSE SET Large Cap ETF: TFTSE (ทีฟุตซี่) และก็มีคำถามเกี่ยวกับ TFTSE เข้ามาเยอะมาก  ทั้งนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่ หรือหน้าเก่า คำถามที่เจอบ่อยก็คือ  “ลงทุนในหุ้นรายตัว กับลงทุนใน ETF  แบบไหนดีกว่ากัน”
 คำถามแบบนี้ผมอยากให้ลองสำรวจดูลักษณะการลงทุนของเราดูครับว่า  ที่ผ่านมานั้นผลงานการลงทุนของเราเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้น ใครเป็นผู้ชนะ ผมเชื่อว่าคงมีหลาย ๆ ท่านที่อยากลงทุนในตลาดหุ้น หรือกำลังจะก้าวเข้ามาในตลาดหุ้นเพราะมองเห็นว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนย้อนหลังของตลาดหลักทรัพย์นั้นค่อนข้างสูง แม้ว่าอาจจะมีบางปีที่ติดลบเยอะ แต่ก็จะมีปีที่ดีมาก ๆ มาทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่น่าดึงดูดใจมากทีเดียว
 ยกตัวอย่างนะครับ เมื่อปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่ไม่ค่อยดีนักของตลาดหุ้นไทยอีกปีนึงทีเดียว  เพราะว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้นติดลบไปถึง 44.12% แต่พอมา6 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดหุ้นกลับให้ผลตอบแทนถึง 38.97% จากข้อเท็จจริงดังกล่าว  ผมอยากให้นักลงทุนลองสำรวจพอร์ตโฟลิโอของตัวเองดูว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ผลตอบแทนของพอร์ตฯ ของเราดีกว่าหรือแย่กว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ผมเชื่อว่าใครหลายคนอาจจะมีหุ้นบางตัวในพอร์ตฯ ที่มีผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนี แต่ก็มีหุ้นอีกหลายตัวที่ผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี ดังนั้นเมื่อนำผลตอบแทนมารวมกันทั้งหมดแล้ว  ผลตอบแทนของเราเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์  นั่นก็คือผลงานการสร้างพอร์ตฯ ของเราครับ
 แน่นอนครับการวัดผลเพียงปีเดียวคงไม่สามารถบอกอะไรได้ ผมคิดว่าวิธีที่เหมาะสมในการประเมินตัวเองคือลองมองดูผลงานของตัวเองประมาณ 3-5 ปีย้อนหลัง (หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ครับ) ว่าผลงานของเราเทียบกับดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เป็นอย่างไร
 คำตอบที่ต้องการจากนักลงทุนคือ การวัดความสามารถในการเลือกหุ้นรายตัว (Stock Selection) ถ้าผลงานของใครออกมาแล้วดีกว่าตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ย แสดงว่ามีความสามารถในการคัดเลือกหุ้นที่ดี แต่ถ้าใครมีผลงานที่ออกมาแล้วต่ำกว่าดัชนีก็อย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะครับ
 
ETF ช่วยท่านได้...
เนื่องจากการลงทุนใน ETF นั้นจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่อ้างอิง ดังนั้น เราก็มาลองพิจารณาดูว่า ETF ที่มีอยู่นั้นอ้างอิงดัชนีอะไร ผมขอยกตัวอย่าง ETF ที่อ้างอิงผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์นั่นคือ TDEX ซึ่งอ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี SET50 และ TFTSE (ทีฟุตซี่) ที่อ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี FTSE SET Large Cap
ETF ดังกล่าวสามารถทำให้เราได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่กำหนด ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าผลตอบแทนของพอร์ตฯ ของเราจะแพ้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แล้วครับ ด้วยการลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแบบ (SET50 Index และ FTSE SET Large Cap Index) สามารถเพิ่มผลตอบแทนของเราให้ใกล้เคียงดัชนีได้โดยง่ายแล้วครับ
ทีนี้อาจจะยังมีนักลงทุนหลาย ๆ คนที่อยากให้ผลตอบแทนของพอร์ตฯ เหนือกว่าตลาด (Outperform) ETF ก็สามารถช่วยได้ โดยเราแบ่งการลงทุนใน ETF ออกเป็นสองส่วน เช่น แบ่ง 70% ของพอร์ตฯ เป็น TDEX หรือ TFTSE ซึ่งให้ผลตอบแทนตามดัชนีที่อ้างอิง ส่วนอีก 30% นักลงทุนอาจจะใช้การจับจังหวะ (Market Timing) โดยเทรด ETF ให้เหมือนกับเทรดหุ้นตัวนึง วิธีจับจังหวะการลงทุนโดยใช้ ETF นั้นเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มักจะจับทิศทางตลาดโดยรวมได้อย่างแม่นยำ รู้ดีว่าตลาดจะขึ้นหรือจะลง ซึ่งถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่มักจะจับทิศทางตลาดได้ดี ก็สามารถใช้ ETF มาประยุกต์ในการจับจังหวะ (Market Timing) ได้
แต่ถ้าใครไม่อยากจะมานั่งติดตามการเคลื่อนไหวทุก ๆ วันก็สามารถใช้กลยุทธ์การซื้อแล้วถือกับ ETF ได้ ซึ่งที่ผ่านมา ETF นั้นให้ผลตอบแทนในเรื่องของเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าเมื่อ ETF ได้รับเงินปันผลเข้ามา ก็จะพยายามจ่ายออกไปให้นักลงทุน เพื่อป้องกัน Tracking error ที่อาจเกิดขึ้น
ความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผลของ ETF นั้นมีค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่น TDEX นั้นมีหุ้นใน SET50 ทั้งหมด 50 ตัว และ TFTSE (ทีฟุตซี่) นั้นมีหุ้นอยู่ 30 ตัว โอกาสที่หุ้นทั้ง 50ตัว หรือ 30 ตัวจะพร้อมใจกันไม่จ่ายปันผลนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก ๆ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทใด จะถือสั้นหรือถือยาว ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตฯ ตัวเองได้ด้วย ETF อย่าง TDEX และ TFTSE ครับ...
กำลังโหลดความคิดเห็น