นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยว่า บริษัทร่วมกับบล. ไอซีบีซี โดยเป็นโบรกเกอร์ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัทจากที่ได้ทำสัญญาการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในลักษณะคู่ค้า (Exclusive Partner)ในการพัฒนาระบบการซื้อขาย เพื่อที่จะให้ลูกค้าของบล.ฟินันเซีย ไซรัสสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นต่างประเทศได้ 17 ประเทศ แต่จะเน้นจีน และฮ่องกง จากเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวจะมีการเติบโตดีในอนาคต เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกการลงทุนต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงคาดระบบจะเสร็จสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมกับบล.แธง ลอง ซึ่งเป็นโบรกเกอร์เวียดนาม พัฒนาระบบการซื้อขายหุ้น เพื่อให้นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นเวียดนาม ขณะนี้ลูกค้าของบริษัทสนใจที่จะไปลงทุนเวียดนามหลังราคาหุ้นของเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ ซึ่งนักลงทุนไทยที่ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเกิน 50% และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะร่วมกับบล.เวียดนามเพิ่มอีก 1 แห่ง
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศแล้วกว่า 30 บัญชี และมีนักลงทุนทยอยเปิดเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายต่างประเทศ 100 บัญชี เบื้องต้นนักลงทุนที่จะเทรดหุ้นต่างประเทศจะเป็นลูกค้าบุคคลที่มีการซื้อขายหุ้นรายวันมูลค่าสูง (ไฮด์เน็ตเวิร์ค) ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมกับบล.เวียดนามจัดให้สัมมนา โดยเชิญ บริษัทจดทะเบียนเวียดนามมาให้ข้อมูลแก่นักลงทุนไทย และอนาคตบริษัทจะจัดมากขึ้น
นายช่วงชัย กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถให้บริการSBL ได้ในปีหน้า ซึ่งบริษัทได้ลงทุนซื้อระบบการทำธุรกิจกังกล่าวแล้ว เพื่อให้นักลงทุนสามารถยืมหุ้นไปขายชอร์ตได้ ช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงอาจทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้าไปลงทุนเพราะกังวลหุ้นจะลงหาก บริษัทให้บริการ SBL นักลงทุนสามารถจะยืมหุ้นไปขายกำไรก่อน
ทั้งนี้ ปี 53 การคิดอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์(ค่าคอมมิชชั่น)แบบขั้นบันได ทำให้เจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง ) เริ่มตื่นตัวจะย้ายไปทำงานกับโบรกเกอร์ที่มีความแข็งแกร่งและสามารถอยู่รอดได้ หลังการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น โดยช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามีมาร์เกตติ้งได้ย้ายเข้ามาทำงานกับบริษัท 10-20 คน ส่งผลให้ส่วนแบ่งมาร์เกตแชร์ของบริษัทบางช่วงปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.5-4% ซึ่งถือว่าดีกว่าที่บริษัทคาดไว้เพราะช่วงที่ควบรวมตั้งเป้าจะมีมาร์เกตแชร์ 3.5% โดยบริษัทจะพยายามใหมาร์เกตแชร์อยู่ที่ระดับ 4% จึงจะสามารถอยู่รอดได้หลังเปิดเสรีค่าคอมฯ และคาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จปีนี้ และยังไม่มีแผนควบรวมอีก เพราะขนาดองค์กรปัจจุบันถือว่าควบคุมต้นทุนได้ดีและบริษัทมีกำไรไตรมาสแรกจากผลการควบรวมกิจการ
นายช่วงชัย กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะจัดสรรเงินลงทุนเพื่อใช้ในการลงทุนบัญชีบริษัท (พาร์ต)ลงทุน แต่ส่วนตัวต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯหรือก.ล.ต. ควบคุมเรื่องการซื้อขายพอร์ตลงทุนของโบรกเกอร์ เพราะการเทรดพอร์ตของโบรกเกอร์นั้นมีผลทำให้นักลงทุนได้รับผลเสียหายเนื่องจากเสียเปรียบในการลงทุน เพราะหากไม่คุมอาจกระทบต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยโดยรวม โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดอนุพันธ์หรือ TFEX ซึ่งมีค่าคอมมิชชั่น 1% เมื่อได้รับผลขาดทุนจะสูงกว่าในตลาดหุ้นไทย ทำให้ขณะนี้ลูกค้าของบริษัทเลิกที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดอนุพันธ์แล้ว
