“พฤกษา” ได้ฤกษ์ลงทุนเวียดนามทุ่มงบเกือบ 300 ล้านบาท เปิดบริษัทพฤกษาเวียดนามลุยพัฒนาโครงการ พร้อมตั้งพฤกษา เวียดนาม คอนสตรัคชั่น รุกธุรกิจรับเหมา หลังศึกษาตลาดมากว่า 2 ปี ด้านผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกรายได้ 7,442.8 ล้านบาท กำไร 1,326.7 ล้านบาท รับไตรมาส 2 ยอดขายบ้านเดี่ยววูบ 12.9%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด หรือ PS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทย่อย คือ บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากเดิม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,000,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 5,000,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เพื่อดำเนินกิจการก่อสร้างและพัฒนา โครงการที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของพฤกษา
ทั้งนี้ บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนลฯ จะเข้าลงทุนใน บริษัท พฤกษา เวียดนาม จำกัด (Preuksa Vietnam Company Limited) เมืองไฮฟง เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและดำเนินกิจการก่อสร้างในประเทศเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 170,000,000,000 ดอง (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านดอง) หรือประมาณ 350 ล้านบาท (ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา)
ด้านสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 85 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 297.5 ล้านบาท โดยอีกร้อยละ 15 ร่วมลงทุนโดยบริษัทที่จัดตั้งในประเทศเวียดนามแห่งหนึ่งของนักธุรกิจชาวเวียดนาม
นอกจากนี้ยังให้บริษัท พฤกษา โอเวอร์ซีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าลงทุในบริษัท พฤกษา เวียดนาม คอนสตรัคชัน จำกัด (Preuksa Vietnam Construction Company Limited) เพื่อดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 850,000,000 ดอง (แปดร้อยห้าสิบล้านดอง) หรือประมาณ 1.75 ล้านบาท โดยถือหุ้น 100% สถานที่ตั้ง ณ เมืองไฮฟงเช่นเดียวกัน
ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 ของพฤกษามีรายได้ 3,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรายได้หลักมาจากบ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 336.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยวลดลง 170.1 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 12.9 ในขณะที่รายได้จากอาคารชุดเพิ่มขึ้น 196.4 ล้านบาท
**ครึ่งปีกำไรพุ่ง 1,326.7ล้านบาท**
สำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2552 ก็เช่นเดียวกัน มีรายได้รวมเท่ากับ 7,442.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.9 โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 1,095.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.2 ส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 256.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 และรายได้จากอาคารชุดเพิ่มขึ้น 558.8 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในรอบ 6 เดือนจำนวน 1,326.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 41.3 ที่มีกำไรจำนวน จำนวน 387.4 ล้านบาท
ที่ผ่านมา พฤกษาฯ มียอดขายแล้ว 9,049 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 51% จากเป้ายอดขายทั้งปี โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2551 ที่มีรายได้ 13,033.6 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 14,000 ล้านบาท
นายทองมา กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าในครึ่งปีแรก จากสัญณาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปัจจัยบวกเรื่องเกณฑ์บ้านบีโอไอที่ระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี ที่พฤกษาฯ ได้อานิสงส์จากการมีบ้านที่เข้าเกณฑ์บีโอไออยู่แล้ว แต่อาจจะต้องปรับบางส่วนเพื่อให้สอดรับกับทั้งความต้องการและเกณฑ์ดังกล่าวมากขั้น โดยปัจจุบันพฤกษาฯ มีทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ "บ้านพฤกษา" และ "พฤกษาวิลล์" ที่มีระดับราคาใกล้เคียงกับเกณฑ์บ้านบีโอไอมากที่สุด ซึ่งระดับราคาบ้านกลุ่มนี้เป็นตลาดใหญ่ที่มีความต้องการสูง จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้เร็วขึ้น และทำให้พฤกษาฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วย
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด หรือ PS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทย่อย คือ บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากเดิม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,000,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 5,000,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เพื่อดำเนินกิจการก่อสร้างและพัฒนา โครงการที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของพฤกษา
ทั้งนี้ บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนลฯ จะเข้าลงทุนใน บริษัท พฤกษา เวียดนาม จำกัด (Preuksa Vietnam Company Limited) เมืองไฮฟง เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและดำเนินกิจการก่อสร้างในประเทศเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 170,000,000,000 ดอง (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านดอง) หรือประมาณ 350 ล้านบาท (ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา)
ด้านสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 85 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 297.5 ล้านบาท โดยอีกร้อยละ 15 ร่วมลงทุนโดยบริษัทที่จัดตั้งในประเทศเวียดนามแห่งหนึ่งของนักธุรกิจชาวเวียดนาม
นอกจากนี้ยังให้บริษัท พฤกษา โอเวอร์ซีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าลงทุในบริษัท พฤกษา เวียดนาม คอนสตรัคชัน จำกัด (Preuksa Vietnam Construction Company Limited) เพื่อดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 850,000,000 ดอง (แปดร้อยห้าสิบล้านดอง) หรือประมาณ 1.75 ล้านบาท โดยถือหุ้น 100% สถานที่ตั้ง ณ เมืองไฮฟงเช่นเดียวกัน
ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 ของพฤกษามีรายได้ 3,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรายได้หลักมาจากบ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 336.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยวลดลง 170.1 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 12.9 ในขณะที่รายได้จากอาคารชุดเพิ่มขึ้น 196.4 ล้านบาท
**ครึ่งปีกำไรพุ่ง 1,326.7ล้านบาท**
สำหรับรอบระยะเวลาหกเดือนของปี 2552 ก็เช่นเดียวกัน มีรายได้รวมเท่ากับ 7,442.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.9 โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 1,095.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.2 ส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 256.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 และรายได้จากอาคารชุดเพิ่มขึ้น 558.8 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในรอบ 6 เดือนจำนวน 1,326.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 41.3 ที่มีกำไรจำนวน จำนวน 387.4 ล้านบาท
ที่ผ่านมา พฤกษาฯ มียอดขายแล้ว 9,049 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 51% จากเป้ายอดขายทั้งปี โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2551 ที่มีรายได้ 13,033.6 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 14,000 ล้านบาท
นายทองมา กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าในครึ่งปีแรก จากสัญณาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปัจจัยบวกเรื่องเกณฑ์บ้านบีโอไอที่ระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี ที่พฤกษาฯ ได้อานิสงส์จากการมีบ้านที่เข้าเกณฑ์บีโอไออยู่แล้ว แต่อาจจะต้องปรับบางส่วนเพื่อให้สอดรับกับทั้งความต้องการและเกณฑ์ดังกล่าวมากขั้น โดยปัจจุบันพฤกษาฯ มีทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ "บ้านพฤกษา" และ "พฤกษาวิลล์" ที่มีระดับราคาใกล้เคียงกับเกณฑ์บ้านบีโอไอมากที่สุด ซึ่งระดับราคาบ้านกลุ่มนี้เป็นตลาดใหญ่ที่มีความต้องการสูง จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้เร็วขึ้น และทำให้พฤกษาฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วย