"พฤกษา" คาดแนวโน้มครึ่งปีหลัง 52 บ้านใหม่ระดับล่างฟื้นตัว ปรับแผนเชิงรุก 2 โครงการ เจาะกลุ่มกำลังซื้อ 1.2 ล้านบาท รับเกณฑ์ส่งเสริม BOI ดันรายได้ครึ่งปีหลังเข้าเป้า พร้อมส่ง บ.ย่อยเข้าลงทุนขยายธุรกิจอสังหาฯ-ก่อสร้างในเวียดนาม
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าในครึ่งปีแรก จากแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้บริษัทกลับมาขยายธุรกิจเชิงรุก
นอกจากนี้ บริษัทยังปรับกลุ่มสินค้าทาวน์เฮ้าส์แบรนด์บ้านพฤกษาและพฤกษาวิลล์ ที่ระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท อยู่ในเกณใหม่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจลูกค้าง่ายขึ้น และยังเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทด้วย
"ยอมรับว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายแล้ว 9,049 ล้านบาท หรือ 51% จากเป้ายอดขายทั้งปี โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2551 ที่มีรายได้ 13,033.6 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้คงเป้าที่ประมาณ 8 พันล้านบาท ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท"
สำหรับผลประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2552 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2552 (วานนี้) มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จาก 100 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 5,000,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เพื่อดำเนินกิจการก่อสร้างและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ บอร์ดยังได้มีมติให้บริษัท พฤกษา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เข้าลงทุนใน บริษัท พฤกษา เวียดนาม จำกัด (Preuksa Vietnam Company Limited)ที่มีทุนจดทะเบียนปประมาณ 1.7 แสนล้านดอง หรือเทียบเท่าที่ ประมาณ 350 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและดำเนินกิจการก่อสร้างในประเทศเวียดนาม โดย PS เข้าถือหุ้น 85% ร่วมกับบริษัทของนักธุรกิจชาวเวียดนาม คิดเป็นมูลค่าการลงทุนของ PS ประมาณ 297.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังให้บริษัท พฤกษา โอเวอร์ซีส์ จำกัด เข้าลงทุนในบริษัท พฤกษา เวียดนาม คอนสตรัคชัน จำกัด (Preuksa Vietnam Construction Company Limited) เพื่อดำเนินธุรกิจการก่อสร้างในประเทศเวียดนาม ทุนจดทะเบียน ประมาณ 850 ล้านดอง หรือประมาณ 1.75 ล้านบาท
เนื่องจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยข้างต้น มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 699.25 ล้านบาท เมื่อรวมกับรายการจัดตั้งบริษัทย่อย ที่บริษัทได้แจ้งให้ทราบในรอบ 6 เดือนก่อน มูลค่ารวมจะเป็นประมาณ 1,150.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.86 ของสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ดังนั้นบริษัทฯ จึงไม่ต้องดำเนินการตามประกาศของคณะกรรมการ ตลท.เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.2547
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังรับทราบการลาออกจากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสำนักปฏิบัติการ 1 ของนายณรงค์
มาณวพัฒน์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป แต่ภายหลังการลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว นายณรงค์ จะยังคงมีฐานะเป็นกรรมการบริษัทต่อไปและ มีมติแต่งตั้งนายเมธา จันทร์แจ่มจรัส เข้าเป็นกรรมการของบริษัทแทนตำแหน่งของนายวีระ ศรีชนะชัยโชค โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป